[เล่มที่ 54] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 15
เถรีคาถา เอกนิบาต
๓. ปุณณาเถรีคาถา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 54]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 15
๓. ปุณณาเถรีคาถา
[๔๐๔] ดูก่อนนางปุณณา เธอจงเต็มด้วยธรรมทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เธอจงทำลายกองแห่งความมืดด้วยปัญญาอันบริบูรณ์เถิด.
จบปุณณาเถรีคาถา
๓. อรรถกถาปุณณาเถรีคาถา
คาถาว่า ปุณฺเณ ปูรสฺสุ ธมฺเมหิ เป็นต้น เป็นคาถาสำหรับนางสิกขมานาชื่อปุณณา.
นางสิกขมานาชื่อปุณณาแม้นี้ ก็สร้างสมบุญบารมีไว้ในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ สั่งสมกุศลที่เป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้ในภพนั้นๆ เมื่อโลกว่างจากพระพุทธเจ้า บังเกิดในกำเนิดกินนร ที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคา วันหนึ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 16
เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งในที่นั้น มีใจเลื่อมใส บูชาพระปัจเจกพุทธ-เจ้านั้นด้วยดอกอ้อ ยืนประคองอัญชลี ด้วยบุญกรรมนั้น นางท่องเที่ยวอยู่ในสุคติภูมิทั้งหลายเท่านั้น ในพุทธุปปาทกาลนี้บังเกิดในตระกูลคฤหบดีมหาศาลกรุงสาวัตถี มีชื่อว่าปุณณา เพราะเป็นหญิงถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย นางอยู่มาอายุ ๒๐ ปี ฟังธรรมในสำนักของพระมหาปชาบดีโคตมี ได้ศรัทธาขอบรรพชาเป็นสิกขมานา เริ่มวิปัสสนา.
พระศาสดาประทับนั่งในพระคันธกุฎีนั้นเอง ทรงเปล่งพระรัศมีตรัสพระคาถานี้แก่เธอว่า
ดูก่อนนางปุณณา เธอจงเต็มไปด้วยธรรมทั้งหลาย เหมือนพระจันทร์วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เธอจงทำลายกองแห่งความมืด ด้วยปัญญาอันบริบูรณ์เถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ปุณฺเณ เป็นคำเรียกนางสิกขมานานั้น.บทว่า ปูรสฺสุ ธมฺเมหิ ความว่า จงบริบูรณ์ด้วยโพธิปักขิยธรรม ๓๗. ร อักษรในบทว่า จนฺโท ปณฺณรเสริว ทำหน้าที่เชื่อมบทเหมือนพระจันทร์บริบูรณ์ด้วยส่วนที่ ๑๖ ของเดือนทั้งหมด ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ คือในวันเดือนเพ็ญ. บทว่า ปริปุณฺณาย ปญฺญาย ได้แก่ ด้วยปัญญาที่สัมปยุตด้วยอรหัตตมรรค ชื่อว่าบริบูรณ์ เพราะทำกิจ ๑๖ อย่างให้สนบูรณ์. บทว่าตโมกฺขนฺธํ ปทาลย ความว่า จงทำลาย คือจงถอนกองโมหะโดยไม่เหลือกิเลสทั้งหมดย่อมเป็นอันทำลายแล้วพร้อมกับการทำลายกองโมหะนั่นแล.
นางสิกขมานาปุณณานั้น ฟังคาถานั้นแล้วเจริญวิปัสสนาได้บรรลุพระอรหัต เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ในอปทานว่า๑
๑. ขุ. นฬมาลิกาเถรีอปทาน เล่ม ๓๓ ข้อ ๑๔๕.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้า 17
ในกาลนั้นข้าพเจ้าเป็นกินรีที่ฝั่งแม่น้ำจันทภาคาข้าพเจ้าได้เห็นพระพุทธเจ้าผู้ปราศจากธุลี เป็นพระสยัมภู ผู้อันใครๆ ให้แพ้ไม่ได้ ข้าพเจ้ามีจิตเลื่อมใสมีใจดี ปลื้มใจ กระทำอัญชลีถือเอาดอกอ้อบูชาพระสยัมภู ด้วยกรรมที่ทำดีนั้น และด้วยความตั้งใจมั่นข้าพเจ้าละร่างกินรี ได้ไปสู่หมู่เทวดาชั้นไตรทศ ข้าพเจ้าได้เป็นมเหสีของเทวราช ๓๖ องค์ ได้เป็นมเหสีของพระเจ้าจักรพรรดิ ๑๐ องค์ ข้าพเจ้ารู้บุญกุศลบวชเป็นบรรพชิต ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ภพทั้งหมดข้าพเจ้าถอนได้แล้วอาสวะทั้งหมดสิ้นรอบแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี จากนี้ไป ๙๔ กัป ข้าพเจ้าเอาดอกไม้บูชา ข้าพเจ้าไม่รู้จักทุคติ นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า ข้าพเจ้าเผากิเลสแล้ว ฯลฯ ข้าพเจ้าได้ปฏิบัติคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว.
พระเถรีนั้นบรรลุพระอรหัตแล้วเปล่งคาถานั้น และคาถานี้ได้เป็นคาถาพยากรณ์พระอรหัตของพระเถรีนั้นแล.
จบ อรรถกถาปุณณาเถรีคาถา