..
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ที่จะเคลื่อนไหวร่างกายไปได้นั้น ก็ด้วยอำนาจของจิต ที่เป็นชวนจิต รวมถึง โทสมูลจิต ด้วย ก็เป็นเหตุให้เกิดการเคลื่อนไหวร่างกายได้ แสดงถึงความเป็นจริงของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
ขอเชิญอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ดังนี้
การที่มีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นได้ ต้องเป็นในขณะที่ตื่น ต้องเป็นวิถีจิต
และวิถีจิตอื่น เช่น ปัญจทวาราวัชชนจิต หรือจักขุวิญญาณเหล่านี้ จะไม่ทำให้เกิดการเคลื่อนไหวใดๆ ได้ ต้องถึงชวนวิถีจิตรูปจึงจะเคลื่อนไหวได้ และสำหรับวาโยธาตุที่ตั้งขึ้นในชวนวิถีขณะที่ ๑ ย่อมสามารถค้ำจุนทรงไว้ซึ่งรูปกาย ที่เกิดพร้อมกับตน แต่ไม่สามารถจะให้เคลื่อนไหวไปมาได้
ชวนวิถีจิตมี ๗ ขณะ ขณะที่ต้องการจะเคลื่อนไหว จะก้าวไป หรือจะยกมือ จะคู้เข้า จะเหยียดออก เพียงชวนวิถีจิตขณะที่ ๑ รูปไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แม้ในชวนจิตขณะที่ ๒ ก็โดยนัยเดียวกัน
ดวงที่ ๑ ดวงที่ ๒ ดวงที่ ๓ ดวงที่ ๔ ดวงที่ ๕ ดวงที่ ๖ เพียงแต่สามารถ ค้ำจุนทรงไว้ซึ่งรูปกายที่เกิดพร้อมกับตน แต่ไม่สามารถที่จะให้เคลื่อนไหวไปมาได้
ส่วนวาโยธาตุที่ตั้งขึ้นด้วยชวนจิตดวงที่ ๗ ได้วาโยธาตุที่ตั้งขึ้นด้วยจิต ๖ ดวงเบื้องต้น (เพราะว่ารูปที่เกิดในชวนจิตดวงที่ ๑ จนถึงชวนจิตดวงที่ ๖ ยังไม่ดับ) เป็นปัจจัยสนับสนุนแล้ว ย่อมสามารถค้ำจุนทรงไว้ยังรูปกายที่เกิดร่วมกับตนให้เคลื่อนไหว ให้ก้าวไปข้างหน้า ให้ถอยกลับ ให้แลดู ให้เหลียวดู ให้คู้เข้า ให้เหยียดออกได้ เพราะเหตุนั้นจึงเกิดการเดินไปเดินมา การเดินไปและการเดินมา กล่าวได้ว่า ไปได้โยชน์หนึ่ง ไปได้ ๑๐ โยชน์
ข้อความใน อัฏฐสาลีนี อุปมาว่า
เปรียบเหมือนนายเกวียนที่คู่โคจะพึงลากไปด้วยแอก ๗ แอก คู่โคที่เทียมอยู่ ที่แอกคู่ที่ ๑ ย่อมสามารถค้ำจุนทรงแอกไว้อยู่ได้ก่อน แต่จะให้ล้อหมุนไปหาได้ไม่
แม้ในคู่โคคู่ที่ ๒ เป็นต้น ก็มีนัยอย่างนี้เหมือนกัน แต่ในกาลใดนายสารถี ผู้ฉลาดเทียมคู่โคที่แอกคู่ที่ ๗ แล้วนั่งบนทูบเกวียน ถือเชือก เอาปลายปฏักกระตุ้น คู่โคตั้งแต่คู่โคหน้า คู่โคทั้งหมด ในกาลนั้น คู่โคทั้งหมดร่วมกำลังกันทรงทูบเกวียนและให้ล้อหมุนไปได้ กล่าวได้ว่า พาเกวียนไปได้ ๑๐ โยชน์ ไปได้ ๒๐ โยชน์ ฉันใด พึงทราบข้ออุปมัยนี้ ฉันนั้น
จะเห็นความเกิดดับอย่างรวดเร็วของจิต ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้รูปเคลื่อนไหวไปได้ทุกๆ วันว่า ในขณะที่จะมีการเคลื่อนไหวก็เพราะชวนวิถีจิต แล้วแต่ว่าจะเคลื่อนไหวไปด้วยอกุศลจิตประเภทใด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการเคลื่อนไหวไปด้วยโลภมูลจิต หรือบางครั้ง บางขณะ ก็เป็นการเคลื่อนไหวไปด้วยโทสมูลจิต
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
เป็นหัวข้อที่ควรศึกษาอย่างละเอียด
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาผู้ถามปัญหาและอาจารย์คำปั่น ผู้ดำเนินการแสดงเนื้อหาธรรมให้มีการพิจารณาไตร่ตรองครับ