วันก่อนฟังธรรมบรรยายในซีดี ของท่านอาจารย์ ไม่ทราบว่าผมเข้าใจผิดหรือไม่ ฟังว่าท่านอาจารย์ บอกว่า เราไม่รู้หรอกว่า ทวิปัจวิญญาณที่ได้รับ เป็นกุศลหรืออกุศล หมายความว่า บางครั้งที่เราเห็นภาพที่ดีๆ ได้กลิ่นๆ ดีๆ เป็นต้น อาจจะไม่ใช่กุศลวิบากทางตาหรือจมูก หรือครับ หรือว่าผมเข้าใจผิด ขอให้ท่านผู้รู้ช่วย อธิบายด้วยครับ
ขออนุโมทนาด้วยครับ
ทวิปัญจวิญญาณจิตเป็นวิบากจิตที่เกิดขึ้นรู้อารมณ์ทางห้าทวารได้แก่ทางตา หู จมูก ลิ้นและกาย โดยการศึกษาทำให้เรารู้ว่าเป็นกุศลวิบากจิต ๑ ดวงเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่น่าพอใจและเป็นอกุศลวิบากจิต ๑ ดวงเกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่ไม่น่าพอใจในแต่ละทวาร ในการรู้อารมณ์ทางตา หู จมูก และลิ้นนั้น วิญญาณจิตที่รู้อารมณ์มีเวทนาเป็นอทุกขมสุขเวทนา นั่นคือขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น และลิ้มรสนั้นมีความรู้สึกเฉยๆ เราจึงไม่อาจรู้ได้จริงๆ ว่าในขณะที่สั้นแสนสั้นที่เพียงเห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรสนั้นเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก เพราะวิญญาณจิตเกิดขึ้นเพียงขณะเดียวแล้วดับไป แล้วหลังจากนั้นชวนจิตก็เกิดสืบต่อชอบหรือไม่ชอบสิ่งที่เห็น ฯลฯ นั้น เท่าที่พอทำได้ก็เพียงอนุมานว่าการเห็นสีที่ดีน่าจะเป็นกุศลวิบาก การเห็นสีที่ไม่ดีน่าจะเป็นอกุศลวิบาก อีกสามทวารที่เหลือก็โดยนัยเดียวกัน ในส่วนของกายทวารนั้น กายกุศลวิบากจิตมีเวทนาเป็นสุขเวทนา และกายอกุศลวิบากจิตมีเวทนาเป็นทุขเวทนา ดังนั้นหากได้รับสุขเวทนาหรือทุกขเวทนาที่ชัดเจนก็อาจพอรู้ได้ว่าเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก แต่หากเป็นสัมผัสทางกายที่เวทนาไม่ชัดเจน เราก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นกุศลวิบากหรืออกุศลวิบาก ด้วยความละเอียดเช่นนี้ วิบากแห่งกรรมจึงเป็นหนึ่งในอจินไตย ๔ ที่ใครๆ ไม่ควรคิดครับ ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม
ขอเรียนถามเรื่องวิบาก
อจินไตย ๔
วิบากจิต ขณะเดียว เกิดดับเร็วมาก ไม่ใช่ประมาณด้วยการคิดนึกหรือความชอบไม่ชอบของเราครับ ว่าเป็นอารมณ์ที่ดีหรือไม่ดี
=ขอบพระคุณมากครับ เข้าใจขึ้นมากเลยครับ
ขณะที่ได้รับรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัสที่ดี เป็นผลของกุศลวิบาก หลังจากนั้นเกิดโลภะยึดติดเป็นอกุศล ถ้าพิจารณาโดยแยบคายว่าเป็นผลของกรรมเป็นธรรมะก็เกิดกุศลจิตได้ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ