ตัวอย่างการให้ผลของกรรมปรากฏในพระไตรปิฏก...มีมากมาย
มีตัวอย่างการให้ผลของกรรมปรากฏในพระไตรปิฏกมากมาย เช่นพระสูตรและอรรถกถา ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ (กล่าวถึงผลของบุญ หรือกุศลกรรมที่ทำให้ได้เกิดเป็นเทวดาหรือนางฟ้า) เปตวัตถุ (กล่าวถึงผลบาปหรืออกุศลกรรมทำให้เกิดเป็นเปรต) และในขุททกนิกายอปทาน (กล่าวถึงผลของกุศลกรรมในอดีตชาติของพระสัมมาสัมพุทธชาติ และ พระอริยสาวก) เป็นต้น ขอยกตัวอย่างใน ธัมมปทัฏฐกา อรรถกถาขุททกนิกาย คาถาธรรม-บท บาปวรรควรรณนา พระพุทธองค์ทรงแสดงบุรพกรรม (กรรมในอดีต) ที่ทำให้สัตว์และบุคคลต้องประสบเคราะห์กรรมต่างๆ ดังนี้ เรื่องที่ ๑ ภิกษุหมู่หนึ่งขณะกำลังเดินทางเพื่อจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้าเห็นหญ้าติดไฟลอยไปในอากาศแล้วคล้องคอกาที่กำลังบินอยู่ กาถูกไฟไหม้ตกลงมาตาย เมื่อได้เฝ้าพระพุทธเจ้าจึงได้ทูลถามถึงกรรมที่ทำให้เกิดเหตุเช่นนั้นกับกา พระศาสดาได้ทรงแสดงบุรพกรรมของกา ดังนี้ “ภิกษุทั้งหลาย กานั้นได้เสวยกรรมที่ตนทำแล้วนั้นแหละโดยแท้ ก็ในอดีตกาลชาวนาผู้หนึ่งในกรุงพราราณสีฝึกโคของตนอยู่ แต่ไม่อาจฝึกได้ด้วยว่าโคของเขานั้น เดินไปได้หน่อยหนึ่งแล้วก็นอนเสีย แม้เขาตีให้ลุกขึ้นแล้วเดินไปได้หน่อยหนึ่ง ก็กลับนอนเสียเหมือนอย่างเดิมนั่นแล ชาวนานั้นแม้พยายามแล้วก็ไม่อาจฝึกโคนั้นได้ เป็นผู้อันความโกรธครอบงำแล้ว จึงกล่าวว่า “บัดนี้เจ้าจักนอนสบายตั้งแต่นี้ไป” ดังนี้แล้ว ทำโคนั้นให้เป็นดุจฟ่อนฟาง พันคอโคนั้นด้วยฟางแล้วก็จุดไฟ โคถูกไฟคลอกตายในที่นั้นเอง ภิกษุทั้งหลายกรรมอันเป็นบาปนั้น อันกานั้นทำแล้ว ในครั้งนั้นเขาไหม้อยู่ในนรกสิ้นกาลนาน เพราะวิบากของกรรมอันเป็นบาปนั้นเกิดแล้วในกำเนิดกา ๗ ครั้ง (ถูกไฟ) ไหม้ตายในอากาศ อย่างนี้แหละด้วยวิบากที่เหลือ”
เรื่องที่ ๒ ภิกษุ ๗ รูป เดินทางเพื่อจะไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ระหว่างทางได้แวะพักในถ้ำ ปรากฏว่า แผ่นหินก้อนใหญ่ได้เคลื่อนมาปิดปากถ้ำต้องอดข้าวอดน้ำอยู่ในถ้ำถึง ๗ วัน และแผ่นดินได้กลิ้งกลับออกไปเองในวันที่ ๗ เมื่อได้มาเฝ้าพระศาสดาจึงได้ทูลถามกรรมของพวกตน พระศาสดาได้ทรงแสดงบุรพกรรมของภิกษุ ๗ รูปดังนี้ “ภิกษุทั้งหลาย แม้พวกเธอก็เสวยกรรมอันตนกระทำแล้วเหมือนกันก็ในอดีตกาล เด็กเลี้ยงโค ๗ คนชาวกรุงพาราณสี เที่ยวเลี้ยงโคอยู่คราวละ ๗ วัน ในประเทศใกล้ดงแห่งหนึ่ง วันหนึ่ง เที่ยวเลี้ยงโคแล้วกลับมาพบเหี้ยใหญ่ตัวหนึ่ง จึงไล่ตาม เหี้ยหนีเข้าไปสู่จอมปลวกแห่งหนึ่ง ก็ช่องแห่งจอมปลวกนั้นมี ๗ ช่อง พวกเด็กปรึกษากันว่า บัดนี้พวกเราจักไม่อาจจับได้ พรุ่งนี้จึงจักมาจับดังนี้แล้ว จึงต่างคนต่างก็ถือเอากิ่งไม้ที่หักได้คนละกำๆ แม้ทั้ง ๗ คนพากันปิดช่องทั้ง ๗ ช่องแล้วหลีกไป ในวันรุ่งขึ้นเด็กเหล่านั้นมิได้คำนึงถึงเหี้ยนั้น ต้อนโคไปในประเทศอื่น ครั้นในวันที่ ๗ พาโคกลับมา พบจอมปลวกนั้น กลับได้สติ คิดกันว่า “เหี้ยนั้นเป็นอย่างไรหนอ” จึงเปิดช่องที่ตนปิดไว้แล้ว เหี้ยหมดอาลัยในชีวิต เหลือแต่กระดูกและหนัง สั่น คลานออกมาเด็กเหล่านั้นเห็นดังนั้นแล้ว จึงทำความเอ็นดูพูดกันว่า “พวกเราอย่าฆ่ามันเลย มันอดเหยื่อมาตลอด ๗ วัน” จึงลูบหลังเหี้ยนั้นแล้วปล่อยไป ด้วยกล่าวว่า “จงไปตามสบายเถิด” เด็กเหล่านั้นไม่ต้องไหม้ในนรกก่อน เพราะไม่ได้ฆ่าเหี้ย แต่ชนทั้ง ๗ นั้น ได้เป็นผู้อดข้าวร่วมกันตลอด ๗ วัน ใน ๑๔ อัตภาพภิกษุทั้งหลาย กรรมนั้นพวกเธอเป็นเด็กเลี้ยงโค ๗ คนทำไว้แล้ว ในกาลนั้น” พระศาสดาทรงพยากรณ์ปัญหา อันภิกษุเหล่านั้นทูลถามแล้ว ด้วยประการฉะนี้
“บุคคลที่ทำกรรมชั่วไว้ หนีไปแล้วในอากาศ ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้หนีไปในท่ามกลางมหาสมุทรก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้หนีไปสู่ซอกภูเขา ก็ไม่พึงพ้นจากกรรมชั่วได้เขาอยู่แล้วในประเทศแห่งแผ่นดินใดความตายพึงครอบงำไม่ได้ประเทศแห่งแผ่นดินนั้น หามีอยู่ไม่”
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
กรรมคำตอบของชีวิต
อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ