ท่านอาจารย์ : ขอประทานโทษเจ้าค่ะ พอไปถึงที่นั่นแล้ว พระคุณเจ้าทำอะไรเจ้าคะ? พอไปถึงสำนักปฏิบัติแล้ว พระคุณเจ้าทำอะไร?
พระภิกษุ : ที่ไปมาแล้ว หลายที่ ที่อาตมาประทับใจที่สุดท้าย ที่เป็นปัจจัยให้ออกทันทีเลย คือ เขาสอนวิธีการ โอ้โฮ..พูดเก่งมาก พอที่จะหลอกคนให้เข้าใจได้เลย คือ หลอกความเห็นผิดได้ แต่หลอกปัญญาไม่ได้ คือ สอนวิธีการตรงตามพระไตรปิฎกหมดเลย โอ้โฮ...พูดตามระดับขั้น ต้องมีศีล สมาธิ ปัญญา สุดยอด ฟังไป น่าปลื้มอก ปลื้มใจ เฉพาะคนที่มีความเห็นผิด คือ หลอกความเห็นผิดได้ แต่หลอกปัญญาไม่ได้
ท่านอาจารย์ : พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ สามารถที่จะรู้ว่า ขณะนี้ ไม่ใช่เรา แล้วทำไมไม่ฟังพระธรรมจนกระทั่งมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น ขณะที่มีความเข้าใจเพิ่มขึ้น แล้วสภาพธรรมะก็จะปรากฏกับสติสัมปชัญญะ เพราะมีความเข้าใจขั้นฟัง จนกระทั่งทำให้ขณะนี้ สภาพธรรมะปรากฏ ทั้งๆ ที่เป็นสภาพธรรมะธรรมดา แต่ปรากฏทีละหนึ่ง ให้เห็นความเป็นอนัตตา ให้เห็นความเป็นธรรมะนั้นๆ ขณะนั้น ต้องเป็นสติสัมปชัญญะที่เกิดเพราะเข้าใจ จึงสามารถที่จะถึงลักษณะของสภาพธรรมะนั้น
แต่ไม่ใช่มานั่งคิด ว่าขณะนั้น สติสัมปชัญญะ กำลังรู้เฉพาะลักษณะของเห็น หรือว่าแข็ง หรือเสียง หรือคิด หรืออะไรก็ตาม แต่ทีละหนึ่ง แต่เพราะเหตุว่า ธรรมะทั้งหลาย เป็นอนัตตา จะเกิดเมื่อไหร่ ไม่มีใครรู้
แต่ความเข้าใจที่มากขึ้น มีหรือ ที่จะไม่ทำให้เริ่มเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ โดยความเป็นอนัตตา นี่คือ ปริยัติ ซึ่งถึงความเป็นสัจญาณ ทำให้เกิดกิจญาณ ซึ่งเป็นปฏิปัตติ เป็นกิจของสติสัมปชัญญะ ที่จะ รู้เฉพาะลักษณะของสภาพธรรมะที่ปรากฏ แต่ในขณะนั้น สิ่งที่ปรากฏ ปรกติ ธรรมดาอย่างนี้ แต่เมื่อขณะนั้นปรากฏหนึ่ง ด้วยดี เฉพาะอย่างเดียว ก็แสดงให้รู้ว่า ขณะนั้นสภาพที่รู้นั้น ต้องมีสติสัมปชัญญะ ซึ่งต่างกับสติขั้นฟัง
เพราะฉะนั้น ความเข้าใจว่าไม่มีเรา ก็ไม่มีในที่นั้น เพราะเหตุว่า เกิดตามเหตุ ตามปัจจัย และสติสัมปชัญญะ ก็ไม่ใช่เราด้วยในขณะนั้น เป็นสภาพที่จะรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมะ ซึ่งถ้าแปลโดยศัพท์ สติปัฏฐาน ที่กล่าวว่า เป็นสภาพธรรมะที่ตามรู้ลักษณะของสภาพธรรมะ หมายความว่า สภาพธรรมะนั้น เกิดแล้ว มีแล้ว และ สติก็เริ่มที่จะเริ่มรู้ลักษณะของสภาพธรรมะนั้น แทนความไม่รู้
ขณะนั้น มีเห็น กับ ได้ยิน เห็นเป็นเห็น ได้ยินเป็นได้ยิน แต่ปรากฏเหมือนพร้อมกัน เพราะฉะนั้น เวลาที่เห็นเกิดขึ้น แทนความไม่รู้ซึ่งเคยมีเป็นประจำ ก็มีปัญญาและสติสัมปชัญญะ ที่เริ่มเข้าใจลักษณะของเห็นแทนได้ยินในขณะนี้ ซึ่งดูเหมือนพร้อมกัน ก็เป็นสภาพธรรมะที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ความต่างกันคือผู้นั้นเริ่มรู้ว่า สติสัมปชัญญะ ไม่ใช่เรา และสติสัมปชัญญะ ต่างกับสติขั้นฟังอย่งไร เป็นการเกิดขึ้นของปัญญา ที่ได้อบรมแล้ว
โปรดติดตามบันทึกการสนทนาฉบับเต็มได้ที่ลิงค์นี้ :
ธรรม อ.สุจินต์_087 สำนักปฏิบัติ,อ้างพุทธวจนแต่อธิบายผิด วิกฤตพระพุทธศาสนา(ฉบับเต็ม)
ขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ