ช่วงสิบปีมานี้ จะมีนักวิทยาศาสตร์ระดับประเทศมากมายหลายท่าน ที่ออกตัวเชิงว่าศึกษาพระธรรมควบคู่กับใช้หลักการวิทยาศาสตร์ ทำนายทายทักเกี่ยวกับภัยพิบัติโลกมนุษย์ จักรวาล แล้วให้เตรียมตัว ย้ายบ้านย้ายที่อาศัย เตรียมแพคกระเป๋าหนีภัย เตรียมอุปกร์ช่วยชีวิต เตรียมระบบไฟฟ้าฉุกเฉิน และอื่นๆ อีกมากมาย (บางท่านทำนายร้ายแรงยิ่ง)
อยากทราบว่า หากเราศึกษาพระธรรมเข้าใจถูกต้องตรง ไม่ต้องทำอะไรเลย แล้วแต่เหตุปัจจัยจะพาไป ต่อให้รอดชีวิตแต่ไม่ได้ศึกษาธรรมที่ถูกทางก็ไม่ได้มีประโยชน์ต่อการมีชีวิตอยู่ หรือว่า ต้องดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่จะได้ศึกษาธรรมต่อไปจนลมหายใจสุดท้ายคะ หรือว่าแล้วแต่ปัญญาจะพาไปในแต่ละเหตุการณ์ข้างหน้า ไม่ต้องไปกะเก็ง ไม่ต้องจัดแจงอะไรล่วงหน้า ตายก็ตาย รอดก็รอด ขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ทั้งหมดเป็นไปตามธรรมและเป็นอนัตตา ไม่ใช่เพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิดขึ้น แม้เห็นจะเกิดก็เพราะอาศัยตา และ สิ่งที่ปรากฎทางตา เป็นต้น จึงเกิดการเห็นได้ การจะทำอะไรก็ตามที่เป็นไปทางกาย วาจา และใจ และสมมติว่าเป็นการกระทำต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ก็เพราะอาศัย ธรรมที่มีจริงเกิดขึ้น ถ้าไม่มีจิต กาย วาจา ใจ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็มีไม่ได้ การจะเตรียมตัวป้องกันภัยต่างๆ ก็มีไม่ได้
ถ้าไม่เข้าใจคำว่าอนัตตา ตามเหตุปัจจัย จริงๆ ก็คิดว่าไม่ต้องเตรียมตัว เพราะ ไม่มีเรา บังคับไม่ได้ แต่ ขณะนี้ ธรรมกำลังทำกิจหน้าที่ ตื่นมาก็แปรงฟัน ทำกิจหน้าที่ดูแลขันธ์ ที่สมมติว่าเป็นตัวเอง และที่เกิดภัยอันตราย ก็มีการทำกิจหน้าที่ตามเหตุปัจจัยที่จะป้องกัน เป็นปกติ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า มีปัญญา เข้าใจความจริง เมื่อมีเหตุที่จะต้องรักษาร่างกาย พระองค์ก็รักษาร่างกาย หาหมอชีวกโกมารภัจ เพราะ พระองค์มีชีวิตดำรงอยู่ด้วยปัญญา รักษาร่างกายเพื่อเป็นประโยชน์กับผู้อื่น นี่คือ มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา และป้องกันภัยต่างๆ ด้วย ต่างจากปุถุชน เพราะความรักตัว ก็มีการป้องกันภัย ต่างๆ ด้วยอกุศล ความกลัว ด้วยความไม่รู้ แต่ก็เตรียมตัว นี่คือความต่างกันนั่นเองครับ
ขออนุโมทนา
กราบขอบพระคุณค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่มีใครสามารถที่จะทราบได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แม้ในขณะต่อไป เพราะเป็นธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น อะไรที่จะเกิด ก็มีเหตุปัจจัยทั้งนั้น ไม่ได้เกิดเองลอยๆ โดยปราศจากเหตุปัจจัย ธรรม มีจริงๆ และ เป็นอนัตตา ด้วย ที่สำคัญ คือ ความเข้าใจถูกต้อง ว่า เป็นธรรม ธรรมทำกิจหน้าที่ของธรรม
การกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงให้ปลอดภัย เป็นเรื่องธรรมดา เมื่อถึงคราวเจ็บป่วย ก็รักษา หรือ เมื่อมีภัยพิบัติเกิดขึ้น สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ ก็ทำสิ่งนั้นได้ ไม่ใช่ว่าจะไม่ทำอะไรเลย และที่ทำ นั้น ก็คือ ธรรม นั่นเอง ที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ หรือ ถ้ายังไม่เจ็บป่วยก็มีการกระทำในสิ่งที่เหมาะควรแก่ร่างกาย ก็เป็นชีวิตปกติจริงๆ ไม่ใช่ว่าไม่มีการดูแลรักษาสุขภาพร่างกายเลย ปล่อยให้ตัวเองเจ็บป่วยได้รับความทุกข์ทรมานหรือทำแต่สิ่งที่จะเป็นโทษต่อร่างกาย
ความคิด แตกต่างกันไปตามการสะสม บางท่านรักษาสุขภาพ รักษาตนเอง เพื่อพอกพูนความติดข้องต้องการให้มาก แต่สำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ผู้ที่เห็นประโยชน์ของกุศลธรรมและการอบรมเจริญปัญญาแล้ว จะเห็นได้ว่า ถ้าชีวิต เป็นอยู่ต่อไป นานเท่าใด ก็ยิ่งจะเป็นโอกาสให้ได้เจริญกุศล ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา มากเท่านั้น และปัญญาพร้อมทั้งคุณความดีทั้งหลายทั้งปวง ก็เป็นที่พึ่งได้โดยตลอด ไม่นำโทษภัยใดๆ มาให้เลย ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ