ก่อนที่จะได้เจริญสติก็คงจะเต็มไปด้วยอกุศลธรรม ไม่ว่าจะกำลังนั่ง กำลังนอน กำลังยืน กำลังเดิน กำลังพูด กำลังคิด กำลังประกอบกิจการงานใดๆ ก็ตาม ย่อมเป็นกระแสของโลภมูลจิต โทสมูลจิต โมหมูลจิต ถ้าจิตในขณะนั้นไม่ระลึกเป็นไปในทาน เป็นไปในศีล เป็นไปในภาวนา แต่ถ้าได้เจริญสติปัฏฐาน สติสามารถจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ เพื่อให้ปัญญารู้ชัดตามความเป็นจริง ละคลายการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน
แต่ก่อนนี้ที่ท่านกำลังนั่ง กำลังนอน กำลังยืน กำลังเดิน แล้วจิตก็ไหลไปเป็นกระแสของโลภมูลจิตบ้าง โทสมูลจิตบ้าง โมหมูลจิตบ้าง แต่เมื่อได้ฟังเรื่องของการเจริญสติปัฏฐาน เห็นประโยชน์ และรู้ลักษณะของสติ แล้วสติก็เกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ท่านย่อมจะเข้าใจได้ และย่อมจะซาบซึ้งในพระธรรมที่ว่า
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ
โลภะเกิดขึ้นก็หวั่นไหวกระวนกระวาย โทสะเกิดขึ้นก็หวั่นไหวกระวนกระวาย แต่เวลาที่สติเกิดขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมว่า ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เป็นลักษณะของนามธรรม เป็นลักษณะของรูปธรรม เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็หมดไป เพราะฉะนั้น ผู้ที่เจริญสติจะเห็นคุณของสติ ซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่เคยเกิด แต่เมื่อได้เข้าใจหนทางปฏิบัติ คือ การเจริญสติปัฏฐานแล้ว จะซาบซึ้งในข้อความที่ว่า
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ
ที่ว่า พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ เพราะเวลาที่หวั่นไหว กระสับกระส่าย กระวนกระวายไปด้วยโลภะ ด้วยโทสะ ในขณะนั้นเป็นทุกข์ แต่เวลาที่สติเกิด เบาจากการที่จะยึดถือสภาพธรรมนั้นว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำอกุศลธรรมเป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำกุศลธรรมเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ
ท่านจะเห็นได้จริงๆ จากการเจริญสติปัฏฐานว่า พระธรรมนั้นมีประโยชน์เพียงไร และสติ คือ การระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏก็เกื้อกูลและมีประโยชน์มาก
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 144