... เห็นเป็นธรรม ...
โดย ใหญ่ราชบุรี  9 ต.ค. 2556
หัวข้อหมายเลข 23818

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง

กราบเท้า บูชา พระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง

เดี๋ยวนี้ อะไร กำลังมีจริงๆ (มีผู้ตอบว่า ... เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา) เห็น ขณะนี้ มีจริงๆ มี สิ่งที่ปรากฏให้เห็นด้วย เห็น กำลังเห็น สิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น เห็นมีจริงๆ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะรู้ไหมคะ ว่า เห็น ไม่ว่า เมื่อไหร่ ที่เห็นเกิด เห็นเป็นธรรม เพราะมีจริง

(มีผู้ร่วมสนทนาว่า ... ถ้าไม่ฟัง ก็ไม่ทราบ) เพราะฉะนั้น ความไม่รู้ ก็คือ เป็นเราเห็น ธรรมทุกอย่างที่มีนี่ค่ะ เป็นเรา เป็นเขา เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ทั้งๆ ที่ ความจริง ก็เป็น ลักษณะ ที่สามารถ จะปรากฏ ว่า มีจริงๆ แต่ละทาง เพราะฉะนั้น ความไม่รู้เนี่ยค่ะ มาก จนกระทั่ง แม้ขณะนี้ ที่ได้ยินคำว่า เห็นเป็นธรรม เพราะ เห็นมีจริงๆ เห็นไหมคะ ใครจะยอมคิดว่า ไม่ใช่เราที่เห็น ซึ่งความจริง เป็นเราหรือเปล่า เห็นเป็นเราหรือเปล่า แต่เพราะไม่รู้ความจริง ว่า เห็นขณะนี้ ลักษณะจริงๆ ของเห็นนี่ คืออะไร ไม่มีการที่จะคิดไตร่ตรองเลยทั้งสิ้น เพราะ ไม่ว่า อะไรจะปรากฏ ก็จำ สิ่งที่เห็น ว่า เป็นเรื่องราว เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ เป็นรูป

แต่ ลืมว่า ต้องมีสภาพรู้ คือ เห็น นะคะ จึงมีเรื่องราวของสิ่งที่เห็นได้ เช่น เห็นอะไรคะ (มีผู้ตอบว่า...ท่านอาจารย์คะ ถ้าเห็นอะไร ก็ต้องตอบว่า เห็นท่านอาจารย์ ท่านวิทยากร เห็นดอกไม้ แจกัน เยอะแยะเลยค่ะ) เป็นเรื่องราวของ สิ่งที่เห็น เป็นเรื่องราวของ สิ่งที่ปรากฏให้เห็น แต่ ไม่ใช่ สภาพธรรมะ ที่ปรากฏจริงๆ ให้เห็น นี่คือ ความละเอียดของธรรมะ เพราะฉะนั้น การศึกษาธรรมะ ไม่ใช่ ให้ไม่รู้ ไม่เข้าใจ แล้วก็ไปทำอะไร เพื่อที่จะรู้แจ้งนิพพาน

อย่างเมื่อวานนี้ ก็มีชาวศรีลังกานะคะ ซึ่งท่านมามูลนิธิเป็นครั้งแรก ท่านก็ถามถึงเรื่องสึนามิ เพราะเหตุว่า ท่านสูญเสีย ทั้งมารดา บิดา น้อง และ คนที่รัก ด้วย หมดเลย เพราะฉะนั้น ในใจของท่าน ก็มีแต่ เรื่อง ของ สิ่งที่เกิดกับท่าน แล้วก็ท่านเอง เวลาที่จบการสนทนาแล้ว ท่านก็บอกว่า ทำไมไม่ได้ฟังเรื่องธรรมะอย่างนี้

เพียงแต่ว่า แม้แต่ ที่ศรีลังกาเองนี่ค่ะ ก็พอถึง วันพระ เขาใช้คำว่า โปย่า วันโปย่า เขาก็ ไปวัด ค่ะ เป็นประจำ ทุกวัด มีคนไปมากนะคะ แล้วก็ สวดมนต์ แต่งสีขาวเป็นส่วนใหญ่ สีอื่นมีไม่มาก นี่ก็เป็นสิ่งซึ่งเราเห็น แต่ว่า เราเข้าใจความจริงอะไร แม้แต่ ความจริง ขณะนั้น เป็นอะไร ก็ไม่รู้ ใช่ไหม แต่ก็ มีเห็น และ มีเรื่องราวของสิ่งที่กำลังปรากฏให้เห็น

แต่พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้ว่า เห็นต้องเกิด เมื่อมีปัจจัย เพราะฉะนั้น ธรรมะทั้งหลาย ทุกอย่าง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลยทั้งสิ้นภาษาบาลี ก็ทรงใช้คำว่า สัพเพ ธัมมา อนัตตา หมายความว่า ธรรมะทั้งหมด ไม่เหลือเลย ไม่เว้นเลย ทุกอย่าง เป็นอนัตตา หมายความว่า ไม่ใช่ของใคร ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นอิสระ คือ เป็น ลักษณะของธรรมะแต่ละอย่าง ซึ่งเป็นอย่างนั้น เกิดเป็นอย่างนั้น จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ใครก็เปลี่ยนแปลงธรรมะที่เกิดแล้ว เป็นอย่างนั้น ให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้

เพราะฉะนั้น ในขณะนี้ นะคะ เห็นเกิดขึ้นเห็น ใครจะไม่เห็นได้ไหม เห็นเกิดแล้ว แล้วสิ่งที่ปรากฏให้เห็นก็เกิดแล้ว แต่สิ่งที่ลึกซึ้งกว่านั้น ก็คือ มีใครเข้าใจว่า เห็นขณะนี้ ที่กำลังเห็นเนี่ยค่ะ ต้องเกิดขึ้นเห็น มิฉะนั้น ถ้าไม่เกิด จะเห็นได้ยังไง ใช่ไหม เพราะฉะนั้น ความละเอียดของสภาพธรรมะ ตั้งแต่เกิดจนตาย ชาติหนึ่ง ชาติหนึ่ง นะคะ ทุกชาติ วันหนึ่ง วันหนึ่ง จนถึง แต่ละ ขณะหนึ่ง ขณะหนึ่ง

พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้ ความจริง ว่า ทั้งหมดเป็นธรรมะ ไม่มีอะไรเลยที่ไม่ใช่ธรรมะ แต่ก็ เป็น ธรรมะที่ละเอียดมาก แล้วก็เกิดดับสืบต่ออย่างเร็ว สิ่งที่ชาวบ้านไม่สามารถจะรู้ได้ หรือ แม้แต่ชาวพุทธ นะคะ ที่เข้าใจว่า นับถือพระรัตนตรัย

แต่ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรม ก็จะเป็นเพียง การนับถือ ชื่อ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเพียง ชื่อ ของ ผู้ที่เข้าใจว่า เป็นบุคคลหนึ่ง ซึ่งเลิศกว่า บุคคลทั้งสิ้นในสากลจักรวาล เวลาที่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ จะ ไม่มี พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอีก ที่จะตรัสรู้ ในสมัยหนึ่ง สมัยหนึ่ง นะคะ ของ (พุทธันดร) การตรัสรู้ ก็จะต้อง มีเพียงหนึ่ง แสดงถึง ความเป็นเลิศ ซึ่งไม่มีผู้ใดเปรียบปานเลย

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีการศึกษาพระธรรม ก็เป็น เพียงชื่อของบุคคล ซึ่งทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษา เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก ของ ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ หรือเทพ นะคะ หรือพรหม ซึ่ง สามารถ ที่จะ ได้ยินได้ฟัง คำเทศนา แล้วก็ พิจารณา จนกระทั่ง เป็นความเข้าใจของตนเอง ไม่ใช่ว่าตาม คนหนึ่งคนใด เขาว่านะคะ หรือว่าอาจารย์ว่า หรือว่าเพื่อนฝูงว่า หรือหนังสือเล่มนั้นเล่มนี้เขียนว่า ไม่ใช่อย่างนั้นเลยค่ะ ไม่เป็นประโยชน์เลย

แม้แต่พระไตรปิฎกนะคะ ซึ่งได้จดจำจารึก ตั้งแต่เมื่อสมัยที่เริ่มทำสังคายนาครั้งแรก หลังจากที่ปรินิพพานได้ ๓ เดือน ต่อจากนั้น ก็มีการกระทำสังคายนา เพื่อให้ได้เข้าใจถูกต้อง ว่า มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่ ยังคลาดเคลื่อน หรือว่า ยังไม่เข้าใจชัดเจน ก็จะได้ เพิ่มอรรถกถา แล้วก็การที่จะได้ร่วมกันพิจารณาข้อความที่ได้จารึกไว้ เพราะเหตุว่า สมัยแรกเนี่ยค่ะ เป็น มุขปาฐะ (มุข-ขะ-ปา-ฐะ) หมายความว่า ท่องจำตามๆ กันมา ไม่ใช่มีการจดจารึกนะคะ เพราะฉะนั้น ก็เป็นแต่ละกาละ แต่ละสมัย ซึ่งเมื่อถึงสมัยนี้เนี่ยค่ะ พระธรรมคำสอนก็ยังมีพร้อมนะคะ ทั้ง พระไตรปิฎก ซึ่งใช้คำว่า พระบาลี

เวลาที่พูดถึง คำสอนโดยตรง ของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งแสดงโดย ภาษามคธี ถูกต้องไหมคะ คุณคำปั่น คนยุคนั้น ก็ใช้ภาษานั้น ฟังภาษานั้น แล้วก็เข้าใจ เพราะฉะนั้น ก็เป็นสิ่งซึ่ง คนยุคนี้สมัยนี้ โดยเฉพาะ ผู้ที่ไม่ได้ใช้ภาษานี้ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจได้ แต่แม้กระนั้นนะคะ ข้อความที่ทรงแสดงไว้ ไม่ได้เปลี่ยน เพราะเหตุว่า เป็นสัจจธรรม เป็นความจริง

เพราะฉะนั้น ขึ้นอยู่กับ ความเข้าใจ ของแต่ละคน ซึ่งต้องเป็นผู้ที่มีความเคารพในพระธรรมอย่างสูง ที่จะต้องศึกษา ด้วยความละเอียดรอบคอบ เพื่อที่จะ ไม่กล่าวตู่ หรือว่า ไม่เข้าใจพระธรรมผิด เพราะเหตุว่า เป็นสิ่งที่ไม่ง่าย นะคะ จะใช้คำว่า ไม่มีอะไรที่จะยาก ก็ได้ เพราะเหตุว่า เป็นพระธรรมที่พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้ หลังจากที่ได้ทรงบำเพ็ญพระบารมี ถึงกาละ ที่จะเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงรู้ได้ ก่อนนั้น รู้ไม่ได้เลย กำลังเป็นพระโพธิสัตว์ กำลังบำเพ็ญคุณความดี กำลังบำเพ็ญคุณความดี นะคะ อย่างมากมายมหาศาล ก็ยังไม่สามารถ ที่จะ รู้ความจริง เหมือนกับที่ได้ตรัสรู้และได้ทรงแสดง

เพราะฉะนั้น แต่ละคนเนี่ยไม่ประมาทในการศึกษาพระธรรม แล้วก็เป็นผู้ที่ตรง แล้วก็ ไม่ลืมสิ่งที่ได้ฟัง แล้วก็พิจารณา จนกระทั่ง เป็นความเข้าใจของตนเอง แม้เพียงเล็กน้อยว่า ธรรมะ คือ สิ่งที่มีจริงๆ ทุกกาละ แล้วก็ เป็นสิ่งซึ่งต้องเข้าใจโดยการที่ไตร่ตรอง ตั้งแต่คำแรกว่า ธรรมเป็น สิ่งที่มีจริง ถูกหรือเปล่า อะไรก็ตามที่จริง เป็นธรรมะทั้งนั้น จริงเมื่อไร เมื่อเกิด ปรากฎ ว่ามี ถ้าไม่เกิด จะปรากฎ ว่ามี ได้ยังไง

ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาสำหรับกุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ

ด้วยความเคารพ จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)



ความคิดเห็น 1    โดย เข้าใจ  วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย Parinya  วันที่ 10 ต.ค. 2556

ขอขอบคุณ และ อนุโมทนา ด้วยครับ


ความคิดเห็น 4    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ก.พ. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย Sottipa  วันที่ 19 ส.ค. 2564

ขอบคุณอนุโมทนา