การประเคนอาหารนี้ ใช้สำหรับพระภิกษุ ภิกษุณีอย่างเดียวหรือเปล่าครับ แล้วสามเณร แม่ชี เราต้องประเคนด้วยหรือเปล่าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สามเณร นับว่าเป็นเพศบรรพชิต เป็นเชื้อสายของสมณะ แต่ยังไม่ถึงการได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ มีชีวิตดำรงอยู่ด้วยศรัทธาของชาวบ้าน อาศัยก้อนข้าวของชาวบ้านในการเลี้ยงชีพ, สามเณร รักษาศีล ๑๐ ข้อ ได้แก่ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ งดเว้นจากการลักทรัพย์ งดเว้นจากการประพฤติที่ไม่ประเสริฐ งดเว้นจากการพูดเท็จ งดเว้นจากการดื่มสุราเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท งดเว้นจากการบริโภคอาหารในเวลาวิกาล (คือหลังเที่ยง) งดเว้นจากการฟัอนรำขับประโคมดนตรี งดเว้นจากการประดับตกแต่งร่างกาย งดเว้นจากการนอนบนที่นอนสูงใหญ่ และ งดเว้นจากการรับเงินทอง พร้อมทั้งศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา และประพฤติข้อวัตรปฏิบัติต่างๆ อันเหมาะควรแก่เพศบรรพชิต
การประเคนอาหาร ก็คือ การมอบถวายอาหาร จริงอยู่การประเคนใช้สำหรับพระภิกษุ และ ภิกษุณีโดยตรง และ ถ้าหากภิกษุ และภิกษุณีรูปใดฉันอาหารโดยไม่ได้รับประเคน เป็นอาบัติปาจิตตีย์สำหรับพระภิกษุ และ ภิกษุณี รูปนั้น ไม่มีข้อบัญญัติไว้สำหรับสามเณร แต่สามเณรก็จะต้องน้อมประพฤติในสิ่งที่ถูกต้องด้วย โดยไม่ไปหยิบอาหารที่ผู้อื่นเขาไม่ได้ให้มาฉัน ดังนั้น การประเคนอาหารสำหรับสามเณร ก็เป็นการแสดงถึงการมอบถวายอาหารแก่สามเณร นั่นเอง เป็นสิ่งที่คฤหัสถ์สามารถกระทำได้เช่นเดียวกับที่ประเคนแก่พระภิกษุ
(ขอเชิญคลิกอ่านกระทู้นี้เพิ่มเติม ครับ ... ประวัติการประเคน)
ส่วน แม่ชี ไม่ใช่บรรพชิต แต่เป็นคฤหัสถ์ผู้รักษาศีล ๘ ดังนั้น คฤหัสถ์ที่รักษาศีล ๘ ก็มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างคฤหัสถ์ผู้รักษาศีล ๘ สามารถทำอาหารได้ แต่จะทานอาหารได้เฉพาะในช่วงเวลาเช้าถึงเที่ยงเท่านั้น
ดังนั้น แม้ว่าจะมีการให้อาหารแก่แม่ชี ก็ไม่เรียกว่าเป็นการประเคน ผู้ให้ก็สามารถให้ได้ ด้วยความอนุเคราะห์เกื้อกูล, ประเด็นที่น่าพิจารณาเพิ่มเติมคือ ศีล ๘ แม้อยู่บ้าน ก็รักษาได้ เพราะเป็นผู้เห็นโทษของกิเลส รักษาเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง โดยไม่ต้องไปทำอะไรที่ผิดปกติโดยการใส่ชุดขาวหรือโกนผมเลย ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตครับ