ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระเจ้ามิลินท์ ตรัสถามว่า ดูก่อน พระนาคเสนผู้ที่ตายไปแล้ว มีบ้างหรือไม่ ที่จักไม่กลับมาเกิดอีก
พระนาคเสน ทูลตอบว่า ขอถวายพระพรผู้ที่จักกลับมาเกิดอีกก็มี ผู้ที่จักไม่กลับมาเกิดอีกก็มี
ม. ใคร ที่จักกลับมาเกิดอีก
น. ผู้ที่มีกิเลส จักกลับมาเกิดอีก ผู้ที่สิ้นกิเลสแล้ว จักไม่กลับมาเกิดอีก
ม. ตัวท่านเล่า จักกลับมาเกิดอีกหรือไม่
น. หากอาตมาภาพยังมี "อุปาทาน" (ความถือมั่นด้วยกิเลส) อยู่ก็จักกลับมาเกิดอีก หากไม่มีอุปาทาน ก็จักไม่กลับมา
ม. ผู้ที่จักไม่กลับมาเกิดอีกนั้น เขาจะรู้ตัวหรือไม่ ว่าเขาจะไม่กลับมาเกิดอีก
น. รู้ เพราะท่านรู้ว่า เหตุแห่งการเกิดหมดสิ้นแล้ว อุปมาเหมือนชาวนา ที่เก็บข้าวเปลือกไว้ในยุ้งฉางเพื่อบริโภค โดยไม่ทำนาเพิ่มอีกยุ้งฉางของเขา จักไม่เต็มขึ้น เพราะเขาได้หยุดทำนาแล้ว
ม. ผู้ที่จักไม่ต้องกลับมาเกิดอีกนั้น ระหว่างมีชีวิตอยู่ จะรู้สึกต่อความลำบากหรือไม่
น. บางส่วนรู้สึก บางส่วนก็ไม่รู้สึก
ม. ส่วนไหนรู้สึก ส่วนไหนไม่รู้สึก
น. ร่างกายของท่าน รู้สึกต่อความยากลำบาก แต่ใจของท่าน ไม่มีความยากลำบาก กล่าวคือ ความลำบากกาย เช่น ความเมื่อยขบ หิวกระหาย หรือโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ยังคงเกิดกับท่าน และเสียดแทงร่างกายของท่านอยู่ตามธรรมดา แต่ท่านไม่มีความลำบากใจ ไม่มีทุกข์ใจ เนื่องจากท่านได้กระทำเหตุแห่งความลำบากใจให้สิ้นเชื้อไปแล้ว ดังพระพุทธเจ้าตรัสไว้ ใจความว่าผู้ที่สิ้นกิเลส คือ เหตุให้เศร้าหมองใจนั้น ยังคงมีแต่ กายิกทุกข์ คือ ทุกข์ประจำร่างกาย เท่านั้นส่วนเจตสิกทุกข์ หรือ ความทุกข์ใจ เป็นอันไม่มีแล้ว
ม. เมื่อเป็นเช่นนั้น ไฉนท่านจึงไม่รีบปรินิพพาน หนีความลำบากเสียเล่า
น. เพราะเหตุว่า ใจของท่านเหล่านั้น มิได้เกาะเกี่ยวอยู่กับความลำบากกายโดยพิจารณารู้ว่า ความลำบากเหล่านั้น เป็นอาการประจำกาย เมื่อมีเกิดมีแก่ ก็ต้องมีความลำบากกาย คือความไข้ ความเจ็บความเมื่อยขบ หรือ ความหิวกระหาย เป็นธรรมดา
อนึ่ง ท่านเหล่านั้น ไม่เร่งกาลเวลา (ที่จะปรินิพพาน) ด้วยระลึกอยู่เสมอ ว่าจักกระทำประโยชน์สุขให้แก่ตนและผู้อื่น ดังท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่าจะยังมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือ จักปรินิพพานไปก็ดีไม่เป็นเหตุให้ดีใจหรือเสียใจแต่ว่า เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็จักทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อไป
ม. พระคุณเจ้าว่ามานี้ จับใจ
(ปฏิสนธิคหณปัญหา - นัปปฏิสนธิคหณชานนปัญหา - อุปปัชชนชานนปัญหา - ปรินิพพานปัญหา)
ข้อความบางตอนจาก ... มิลินทปัญหา : ปัญญาพระนาคเสน
อนึ่ง ท่านเหล่านั้น ไม่เร่งกาลเวลา (ที่จะปรินิพพาน) ด้วยระลึกอยู่เสมอ ว่าจักกระทำประโยชน์สุขให้แก่ตนและผู้อื่น ดังท่านพระสารีบุตรได้กล่าวว่า จะยังมีชีวิตอยู่ก็ดี หรือจักปรินิพพานไปก็ดี ไม่เป็นเหตุให้ดีใจหรือเสียใจแต่ว่าเมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็จักทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อไป
ม. พระคุณเจ้าว่ามานี้ จับใจ
ขออนุโมทนาครับ
ผู้ที่มีปัญญาอบรมดีแล้ว เมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็จักทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นแก่ผู้อื่นต่อไป นึกถึงเมื่อสองพันห้าร้อยกว่าปีที่ผ่านมา มีพระอรหันต์ที่หมดกิเลสแล้ว เมื่อยังไม่ปรินิพพานก็จักทำประโยชน์ให้เกิดขึ้นต่อไป นึกถึงปัจจุบันนี้ เรามีโอกาสได้พบยอดกัลยาณมิตรอย่างท่านอาจารย์ ซึ่งเป็นบุคคลที่หาได้ยากยิ่งในขณะนี้ ท่านกล่าวว่า ท่านเปรียบเหมือนไม้ใกล้ฝั่ง ชีวิตที่เหลืออยู่ของท่าน ท่านยังจักทำประโยชน์แก่ผู้อื่นต่อไป
รู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของท่านมาก กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ