สนทนาธรรมที่มูลนิธิ
พระสูตร ครั้งที่ ๗๖
๑๐ มกราคม ๒๕๕๒
อร. คุณ..อรรณพได้กล่าวว่า ใครจะกล่าวอะไรก็กล่าวเสีย เพราะว่า ไม่รู้ว่าจะมีอายุอยู่ถึง แค่นี้หรือเปล่า ตอนนี้ก็แสดงความยินดีกับตัวเอง และทุกท่านที่ยังอยู่
อ.จ. ใคร..เป็นคนแสดงความยินดีกับตัวเอง โลภะค่ะ...
อร. ที่..อยากจะกล่าว ก็คือ ชีวิตก่อนที่จะได้มาฟังธรรมตรงนี้... หลายปีมาแล้ว ก็เต็มไปด้วยอวิชชา คือไม่รู้ความจริงในชีวิตประจำวันเลย แต่เมื่อได้มามีโอกาสได้ฟังทุกครั้ง ก็ยังยืนยืนว่า สิ่งที่พระพุทธเจ้าท่าน ทรงตรัสรู้นี้คงจะยากมาก สำหรับคนในยุคสมัยนี้ จะเข้าใจ พระ ไตรปิฎกได้ แต่ก็มีท่านอาจารย์และคณะวิทยากร ที่ทำให้นักศึกษาสนใจ ที่จะศึกษาและเข้าใจความจริงที่รู้ยิ่ง ถึงแม้จะเป็นเพียงขั้นฟัง เพราะถ้า ไม่รู้ความจริงอันนี้ก็เหมือนกับว่า ต้องใช้คำว่า มืดบอดเหมือนตาบอด ซึ่งไม่เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่ถ้ามืดบอดทางปัญญา ก็ไม่สามารถรู้ อะไรได้เลย ถึงแม้ว่า มีตาที่เห็นได้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะรู้จักความจริง ของเห็น ต่อเมื่อ ได้ฟังธรรมที่ทรงคุณค่าซึ่งหาที่เปรียบมิได้ จึงได้มี โอกาสเข้าใจความจริง ของเห็น ได้ยิน ได้ฟัง รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสและ นึกคิด ด้วยความซาบซึ้งใจ อยากจะกราบบูชาที่ให้ได้มีโอกาสฟังและ เข้าใจธรรมที่ได้มีในชีวิตประจำวันนี้ เป็นข้อที่ ๑
ข้อ..ที่ ๒ คือว่าเนื่องจากพูดเยอะ ในพระสูตรนี้เกี่ยว กับเรื่องพูด การพูดเยอะนี้ อาจจะ ไปเบียดเบียนคนอื่นโดยไม่รู้ตัว จะโดยไม่มีเจตนาก็ไม่ได้ เพราะเจตนาเกิดพร้อมกับจิตทุกดวง แต่ อาจจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้จะตัว ถึงอย่างไร ก็ต้องกราบขออภัย ถ้ามีผิด พลาดอันนี้เป็นข้อที่ ๒
ข้อ..ที่ ๓ ก็คือ เป็นโอกาสพิเศษ เท่าที่ทราบท่านอาจารย์ จะมีอายุครบ ๘๓ ปี และท่านอาจารย์เอง ก็ได้พร่ำสอนพวกเรามาตั้ง ๕๐ กว่าปี อาจารย์ก็พร่ำสอนโดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย เริ่มต้นก็คือ เอาตั้งแต่ต้นใหม่เลยนะ ธรรมนี้มี ๒ อย่าง สภาพที่ไม่รู้อะไรเลย คือ รูปธรรม สภาพที่รู้คือ นามธรรม คือจิต เจตสิก ฟังจากเทปฟังดูนับ ไม่ถ้วนเลย ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์ ไม่เบื่อไม่เหนื่อยที่จะพร่ำสอนแก่ผู้ที่ ดูเหมือนฟังแล้วจะเข้าใจยาก ฟังว่าไม่มีเรานะ ไม่มีสัตว์ บุคลตัวตนนะ มีแต่ธรรมเท่านั้น หรือมีแต่ขันธ์ ๕ ซึ่งเกิดดับตามเหตุตามปัจจัย แล้ว ก็เกิด แล้วก็สอนอยู่อย่างนี้ซึ่งผู้ฟังจะเข้าใจได้แค่ไหน ก็ตามการสะสม ของแต่ละบุคล และพิจารณาไตร่ตรองตามที่ท่านอาจารย์ได้สั่งสอน ก็ ขอกราบอนุโมทนาในพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่านอาจารย์..
ขอกราบอนุโมทนาครับ
ขอกราบบูชาคุณอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และวิทยากรทุกท่านค่ะ
ท่านอาจารย์เองก็ได้พร่ำสอนพวกเรามาตั้ง ๕๐ กว่าปี
ธรรมนี้มี ๒ อย่าง สภาพที่ไม่รู้อะไรเลย คือ รูปธรรม
สภาพที่รู้คือ นามธรรม คือ จิต เจตสิก
ไม่มีเรานะ ไม่มีสัตว์ บุคลตัวตนนะ มีแต่ธรรมเท่านั้น
หรือมีแต่ขันธ์ ๕ ซึ่งเกิดดับตามเหตุตามปัจจัย
ดูเหมือนว่าท่านอาจารย์ ไม่เบื่อไม่เหนื่อยที่จะพร่ำสอน
แก่ผู้ที่ดูเหมือนฟังแล้วจะเข้าใจยาก
ขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์
และความกรุณาอันยากจะหาที่เปรียบเปรยได้
แล้วก็สอนอยู่อย่างนี้ ซึ่งผู้ฟังจะเข้าใจได้แค่ไหน...ก็ตามการสะสม ของแต่ละบุคล และพิจารณาไตร่ตรอง....ตามที่ท่านอาจารย์ได้สั่งสอน
ก็ขอกราบอนุโมทนา ในพระคุณอันยิ่งใหญ่ ของท่านอาจารย์
สาธุ
ขอกราบอนุโมทนา ในพระคุณอันยิ่งใหญ่ ของท่านอาจารย์ค่ะ
กราบขออนุโมทนาคุณของท่านอาจารย์ด้วยความเคารพ
และขออนุโมทนาท่านวิทยากร และผู้ร่วมศึกษาธรรมด้วยกันทุกท่านค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ค่ะ ขอกราบอนุโมทนาบุญ และบูชาพระคุณอันยิ่งใหญ่ของท่า่นอจ.สุจินต์ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยความซาบซึ๊งใจ ขอเก็บไว้ในดวงหฤัยครับ
ขอกราบอนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ