อีกา ลางร้าย นำโชคร้ายมาให้ - จริงหรือ
โดย จักรกฤษณ์  13 ม.ค. 2553
หัวข้อหมายเลข 15111

นกอีกาเป็นนกที่คนโบราณท่านกล่าวว่าเป็นนกที่นำโชคร้ายมาให้ผู้พบเห็น ใครก็ตามที่เห็นนกนี้มาบินมาเกาะในบ้าน ก็เชื่อกันว่าเป็นลางจะมีคนป่วยคนเจ็บ หรือจะมีเคราะห์ร้ายเกิดขึ้น ผมไม่เชื่อ แต่ก็ยังหวั่นไหว ยามใดที่เห็นนกอีกานี้บินแวะเวียนมาเยี่ยมเยียนในบ้าน พอเห็นทีไร ก็หวั่นไหวทุกที พอนึกขึ้นได้ก็จะน้อมไประลึกถึงมรณานุสติให้คลายความหวั่นไหวนั้น ไม่ทราบว่าถูกต้องหรือไม่ครับ หรือ มีหลักในการพิจารณาอื่นๆ อย่างไร โดยเฉพาะเรื่องของลางร้าย ต่างๆ นาๆ ที่ เล่าๆ กันมา พิจารณาอย่างไรให้ถูกต้อง ให้มั่นคง ไม่หวั่นไหว ไม่ตื่นข่าว ครับ



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

คำว่าโชคร้าย โชคดี ลางร้าย ลางดีอันเกิดจากสิ่งที่ได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่นในสิ่งต่างๆ เป็นเพียงเรื่องสมมติในทางโลกเท่านั้นที่สมมติขึ้นมาว่า ถ้าเห็นสิ่งนี้เป็นโชคดี ลางดี ถ้าเห็นสิ่งนี้เป็นโชคร้าย ลางร้าย ได้ยิน โดยทำนองเดียวกัน ก็สมมติขึ้นมา แต่ในความเป็นจริงแล้ว สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน การจะได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ดี (ผลของกรรม) ขึ้นอยู่กับการทำเหตุที่ดีหรือไม่ดีมาคือการทำกุศลกรรมและอกุศลกรรม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเห็นสิ่งใด ได้ยินสิ่งใด (เห็นกามาเกาะ) เพราะขณะเห็นเป็นผลของ กรรม เป็นผล ไม่ใช่เป็นเหตุให้ได้รับผลในสิ่งที่ดีหรือไม่ดี เหตุคือขณะที่ทำกุศลกรรม หรืออกุศลกรรมอันจะทำให้เกิดผลคือได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ดี


ความคิดเห็น 2    โดย paderm  วันที่ 13 ม.ค. 2553

พระพุทธองค์ทรงแสดงฤกษ์ดี ยามดี เวลาดีคือขณะที่เป็นกุศล ไม่ใช่ขณะเห็น ขณะได้ยินสิ่งต่างๆ แม้สมัยพุทธกาลก็มีการถือมงคลต่างๆ ว่าเห็นสิ่งนี้ดี เห็นสิ่งนี้ไม่ดี แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนว่า สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นมงคลหรือไม่เป็นมงคลเพราะการเห็น การได้ยิน การรู้ แต่ขณะที่เป็นกุศลหรือขณะที่เป็นไปในมงคล ๓๘ ประการ นั่นชื่อว่าเป็นมงคล เพราะฉะนั้นควรพิจารณาให้ถูกต้องด้วยความเข้าใจว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน การจะได้รับผลของกรรมไม่ได้เกิดจากการเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด และฤกษ์ดี ยามดีขณะที่เป็นกุศล ลางไม่ดี เวลาไม่ดีก็คือขณะทำอกุศกรรมนั่นเองครับ รู้อย่างนี้จึงเป็นเครื่องเตือนให้ทำความดี ละเว้นความชั่วมากขึ้นใช่ไหมครับ


ความคิดเห็น 3    โดย paderm  วันที่ 13 ม.ค. 2553

เชิญคลิกอ่านที่นี่ ...

เวลาที่เป็นฤกษ์ดี [สุปุพพัณหสูตร]

[เล่มที่ 56] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เล่ม ๓ ภาค ๒- หน้าที่ 303

มังคลชาดก

ว่าด้วยการถือมงคลตื่นข่าว

"ผู้ใดไม่ถือมงคลตื่นข่าว ไม่ถืออุกกาบาต ไม่ถือความฝัน ไม่ถือลักษณะดีหรือชั่ว ผู้นั้น ชื่อว่าล่วงพ้นโทษ แห่งการถือมงคลตื่นข่าว ครอบงำกิเลส เครื่องประกอบสัตว์ไว้ในภพ ที่เป็นเครื่องกั้น ย่อมไม่กลับมาเกิดอีก"

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 4    โดย khampan.a  วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

บุคคลที่เกิดมาแล้ว ล้วนมีความตายเป็นที่สุดด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นจากจากความตาย ได้เลย เกิดมาแล้ว ต้องตายทุกคน (ที่กล่าวว่าตาย นั้นว่าโดยสภาพธรรมแล้ว คือ จุติจิต เป็นจิตขณะสุดท้ายที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่เคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้ ไม่สามารถกลับมาเป็นบุคคลนี้ได้อีก และที่สำคัญ จุติจิต เป็นผลของกรรม ไม่เกี่ยวกับกาเลยแม้แต่นิดเดียว จะมีกามาร้อง หรือ ไม่มาร้อง จะได้ยินเสียงกา หรือ ไม่ได้ยิน ก็สามารถตายได้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นบุคคลใดก็ตาม)

สำหรับบุคคลผู้ยังมีกิเลส ความหวั่นไหว ความกลัวต่อเหตุการณ์ต่างๆ นั้น เป็นเรื่องธรรมดา เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร แต่ถ้าเป็นผู้เห็นประโยชน์ของการศึกษาพระธรรม มีการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน สะสมปัญญาซึ่งเป็นความเข้าใจถูกเห็นถูกในพระธรรมไปตามลำดับ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ความหวั่นไหว ความกลัวก็จะน้อยลง ตามระดับขั้นของปัญญา ด้วย ในเมื่อเกิดมาแล้ว ต้องตาย สิ่งที่ควรทำที่สุด คือ ประพฤติธรรม ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เพราะเหตุว่า ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่าความตายจะมาถึงเมื่อไหร่ ความเป็นผู้ไม่ประมาทนั้น ดีที่สุด ควรอย่างยิ่งที่จะฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และ เจริญกุศลประการต่างๆ เท่าที่จะสามารถจะกระทำได้ ก่อนที่วันตายจะมาถึง (ซึ่งไม่มีใครทราบได้) ครับ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


ความคิดเห็น 5    โดย วิริยะ  วันที่ 13 ม.ค. 2553

หลังจากได้ฟังธรรมจากบ้านธรรมแล้ว ความเชื่อความงมงายในเรื่องต่างๆ ลดลงไปมาก แต่ก็ยังคงมีความหวั่นไหวอยู่ ต้องคอยให้ผู้รู้ในบ้านธรรมช่วยเตือนสติค่ะ

ขอบคุณและอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย รากไม้  วันที่ 13 ม.ค. 2553

ขออนุญาตเสนอความเห็น

ที่บ้านผม มีตัวเงินตัวทอง เข้ามาในเขตรั้วบ้าน มาขุดดินข้างๆ บ้าน เป็นรูเป็นโพรงอาศัยอยู่ ก็ไม่ได้คิดอะไรกับมัน เราคิดดูแล้วว่ามันไม่สมควรอยู่แถวนี้ เลยเอาทินเนอร์ราดลงไปในรู หวังว่ามันคงทนกลิ่นไม่ได้แล้วต้องวิ่งไปหาที่อยู่ใหม่ แล้วมันก็ไปจริงๆ ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหนนะ บ้านไหนอีกไม่รู้ ไปบ้านอื่นอาจโดนฆ่าตายก็ได้

อาจเป็นเพราะผมไม่รู้ว่า มีความเชื่อใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ถ้ามีความเชื่อใด ที่บอกว่าไม่เป็นมงคล ก็ไม่รู้จะทำยังไง ในเมื่อมันเข้ามาในรั้วบ้านแล้ว เหตุเกิดไปแล้ว ถ้ามันจะส่งผลร้ายก็ต้องร้าย ถ้าจะดีก็ต้องดีไปตามนั้น คงเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว

สมมติว่าไม่ดี แล้วอะไรล่ะที่ว่าไม่ดี มันยังมาไม่ถึง ก็ยังไม่ต้องไปคิดถึงมันให้ฟุ้งซ่าน ถ้าสิ่งไม่ดีมันเกิดแล้ว สิ่งไม่ดีต่างๆ นั้น มันก็คงมีเหตุของสิ่งไม่ดีต่างๆ ที่เกิดต่างหาก คงไม่ได้เกิดจากแค่ว่ามีตัวเงินตัวทองเข้ามาในรั้วบ้านหรอก ...ความจริงแล้ว แต่ละวันก็มีทั้งสิ่งดีๆ และสิ่งไม่ดีเกิดขึ้น ติดต่อกันตลอดทั้งวัน หากบังเอิญว่าช่วงนั้นมีเหตุไม่ดีเกิดขึ้นเยอะไปหน่อย (จริงๆ แล้วเป็นเรื่องปกติมาก) จนเรารับไม่ได้ เราก็เลยไปคิดเหมาเอา่ว่า สิ่งอัปมงคลโน่นนี่เป็นต้นเหตุ

สรุปว่า ตอนนี้มีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับคุณจักรกฤษณ์แล้ว คือความงมงาย ความฟุ้งซ่าน และความกลัว ก็ต้องไปกำจัดที่ความงมงาย ความฟุ้งซ่าน และความกลัว ที่เกิดขึ้นกับตัวคุณเอง ไม่ใช่ไปกำจัดอีกา เพราะอีกาไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ถ้าผ่านตรงนี้ได้ คุณก็น่าจะได้ขจัดกิเลสพวกนี้ได้ ซึ่งนับเป็นกุศล


ความคิดเห็น 7    โดย WS202398  วันที่ 14 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาอย่างสูงครับ


ความคิดเห็น 8    โดย bsomsuda  วันที่ 14 ม.ค. 2553

ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ที่พึ่งที่ระลึก  วันที่ 14 ม.ค. 2553

ผู้มีราตรีหนึ่งเจริญ [ภัทเทกรัตตสูตร]


ความคิดเห็น 10    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 14 ม.ค. 2553

เรียนคุณรากไม้ ความเห็นที่ 6

ถูกต้องที่สุดเลยครับ ที่ว่าตอนนี้มีสิ่งที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับผมเมื่อเห็นอีกาแล้วไม่ต้องไปรออนาคตเลย ความงมงาย ความฟุ้งซ่าน ความกลัว อันเป็นอกุศล เป็นสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นเมื่อเห็นและคิดเรื่องอีกา คงต้องศึกษาทำความเข้าใจธรรมะและเรื่องของกรรมให้มากๆ ขึ้น ตามที่อาจารย์ Paderm อาจารย์คำปั่น และคุณรากไม้ แนะนำครับ

ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 11    โดย คุณ  วันที่ 15 ม.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย wannee.s  วันที่ 16 ม.ค. 2553

ความเห็นที่ว่าอีกาเป็นนกทีนำโชคร้าย เป็นความเชื่อในสิ่งที่ไม่ถูก เป็นความเห็นผิดมาจากความไม่รู้ เพราะไม่ได้ศึกษาธรรม ไม่ได้ฟังธรรม ทำไม่มั่นคงในเรื่องของกรรม


ความคิดเห็น 13    โดย Pinyapachaya  วันที่ 17 ม.ค. 2553

ดิฉันก็ยังหวั่นไหวในเรื่องฮวงจุ้ย คงเพราะครอบครัวเชื่อเรื่องนี้มาตั้งแต่รุ่นปู่ย่า เวลาจะซื้อบ้านที ลำบากมาก กลายเป็นทำตนให้ลำบาก ต้องรื้อถอนเหนื่อยมาก


ความคิดเห็น 14    โดย paderm  วันที่ 17 ม.ค. 2553

เรียน ความเห็นที่ 13

การจะได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับสถานที่แต่ขึ้นอยู่กับกรรมดีหรือกรรมไม่ดีที่ทำมาครับ สถานที่ดี (ตามสมมติ) แต่จิตไม่ดี ก็สะสมเหตุไม่ดี ก็ทำให้รับผลไม่ดี สถานที่ไม่ดี (ตามสมมติ) แต่จิตดี ก็ต้องได้รับผลที่ดี จะได้รับสิงที่ดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับเหตุที่ทำคือกุศลกรรมและอกุศลกรรม สถานที่เป็นเพียงรูป รูปเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อะไร ไม่มีผลกับการได้รับสิ่งที่ดีหรือไม่ดีครับ สำคัญที่ใจเราครับ

[เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 502
๕. รามเณยยกสูตร

[๙๒๑] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบด้วยพระคาถาว่า อารามอันวิจิตร ป่าอันวิจิตร สระ โบกขรณีที่สร้างอย่างดี ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ อันแบ่งออก ๑๖ ครั้ง แห่งภูมิสถาน อันรื่นรมย์ของมนุษย์ พระอรหันต์ทั้งหลาย อยู่ในที่ใด เป็นบ้านหรือป่าก็ตาม เป็นที่ลุ่มหรือที่ดอนก็ตาม ที่นั้นเป็นภูมิสถาน อันน่าริ่นรมย์


ความคิดเห็น 15    โดย รากไม้  วันที่ 20 ม.ค. 2553

ต่อ ความเห็นที่ 13

ถ้าเป็นความเชื่อของครอบครัว คงลำบากจริงๆ โดยเฉพาะพ่อแม่ ที่เราต้องเชื่อฟังท่าน แต่ถ้าเป็นซินแส ที่มาดูฮวงจุ้ย ที่คุณเรียกมาเอง ด้วยความเชื่อคุณเองแล้วล่ะก็ คุณลองเรียกมาซัก 2-3 รายสิครับ จะหาหนังสือมาอ่านร่วมด้วยก็ได้ ... แล้วก็จะรู้ว่า ทำนายทายทักไม่เหมือนกันเลยซักอย่าง (อาจเหมือนกันบ้าง ถ้าซินแสบังเอิญอ่านหนังสือเล่มเดียวกับเรา) เช่นเดียวกันกับเรื่องหมอดูครับ ถ้ามันจริงใครจะพูดกี่ทีๆ มันก็ต้องจริง คิดยังไงมุมไหนมันก็ต้องจริงเสมอ ครับ ... ดังเช่นคนสอนที่เป็นสัจธรรม ของพระพุทธเจ้า

คุณจ้างซินแส มาเพื่อหาจุดบกพร่อง ถ้าเขามาแล้วไม่เจอจุดบกพร่องอะไรเลย ก็เท่ากับเขาไม่ได้ทำงานน่ะสิครับ แล้วเขาจะมีผลงานอะไรไแลกกับเงินค่าจ้างจากคุณล่ะ


ความคิดเห็น 16    โดย chatchai.k  วันที่ 28 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ