ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันอังคารที่ ๒๗ และวันพุธที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร ได้เดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อสนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง สำหรับการสนทนาธรรมที่ จ.เชียงใหม่ นั้น จัดขึ้นปีละ ๒ ครั้ง ระหว่างต้นปีกับกลางปี ทางชมรมบ้านธัมมะ มศพ. จ. เชียงใหม่ได้ร่วมใจกันเจริญกุศล จัดการสนทนาธรรมเป็นประจำทุกปี เพื่อประโยชน์ คือ ความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งเป็นขณะที่มีค่าอย่างยิ่งในชีวิต เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สะสมเหตุที่ดีมา มีศรัทธาเห็นประโยชน์ของพระธรรม ได้ฟังได้สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกต่อไป
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง แพร่หลายยิ่งขึ้น
วันนี้ เป็นวันแรกของการสนทนาธรรม ท่านอาจารย์ได้เน้นย้ำถึงสิ่งที่มีจริงๆ นั้นก็คือ มีจริงๆ ในขณะนี้ เป็นธรรม ตั้งต้นที่คำว่า ธรรม ซึ่งเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับผู้ไม่เคยฟัง และมีช่วงหนึ่งซึ่งประทับใจมาก ท่านอาจารย์ได้กล่าวถึงเรื่องปฏิบัติ และ ความเข้าใจพระธรรมจะเจริญขึ้นได้อย่างไร ไพเราะเป็นอย่างยิ่ง เตือนใจดีเป็นอย่างยิ่ง จึงขออนุญาตถอดคำสนทนาดังกล่าว เพื่ออ่านทบทวน เพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น ดังนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม ๔๕ พรรษา โดยละเอียดยิ่ง แต่ละคำลึกซึ้ง ผู้คนในสมัยนั้นได้บำเพ็ญกุศลอบรมเจริญปัญญาบารมีมาพร้อมที่จะได้ฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์และสามารถที่จะเข้าใจได้ แต่เวลาก็ห่างไกลกันมา ยุคนี้สมัยนี้ไม่มีพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแสดงธรรมจากพระโอษฐ์ เพราะว่าบุคคลในครั้งนี้ไม่เหมือนบุคคลในครั้งก่อนซึ่งพร้อมที่พอได้ฟังก็จะเข้าใจได้ บางท่านฟังแล้วก็ไม่รู้อะไรเลยก็มี บางท่านก็เป็นพระโสดาบัน บางท่านถึงความเป็นพระอรหันต์ นี่ก็แสดงความต่างกันของการเข้าใจคำที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสโดยไม่ประมาทเลย
เพราะฉะนั้น สำหรับบุคคลในครั้งนี้ คิดว่าได้ยินประโยคสั้นๆ ว่าปฏิบัติธรรมแล้วจะปฏิบัติธรรมโดยไม่เข้าใจว่าปฏิบัติ คือ อะไร ธรรมคืออะไร ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้ดีแล้ว ด้วยความประมาท ด้วยการไม่ไตร่ตรอง โดยไม่เข้าใจ แต่ว่าคิดว่าฟังแล้วก็ปฏิบัติธรรมโดยไม่เข้าใจว่าปฏิบัติธรรมคืออะไร บางคนก็คิดว่าฟังแล้วก็ไม่มีประโยชน์ ปฏิบัติธรรมดีกว่า บางคนก็คิดว่าปฏิบัติธรรมแล้วจึงจะเข้าใจธรรม ก็ยิ่งผิดใหญ่ เพราะเหตุว่าพระธรรมที่ทรงแสดง งามทั้งเบื้องต้น งามทั้งท่ามกลางและงามในที่สุด โดยพระธรรมที่ทรงแสดงเป็นปริยัติหมายความว่าเป็นสิ่งที่บุคคลไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน เป็นเรื่องของสิ่งที่มีจริง โดยละเอียดยิ่ง เพราะฉะนั้น ถ้าไม่เข้าใจ ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงตามที่ทรงแสดงว่า ขณะนี้เห็นกำลังเกิดดับ ได้ยินก็เกิดขึ้นได้ยินแล้วดับ คิดแต่ละคำเกิดขึ้นคิดแล้วก็ดับ ไม่มีอะไรเลยซึ่งเกิดแล้วจะไม่ดับ แต่การเกิดดับเป็นไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่สามารถกระทบตา มีอายุสั้นมาก ทุกรูปจะมีอายุเท่ากับจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ ขณะนี้ระหว่างจิตเห็นกับจิตได้ยิน มีจิตเกิดดับเกินกว่า ๑๗ ขณะ เพราะฉะนั้นสิ่งใดๆ ก็ตาม ที่มีการเกิดขึ้น สิ่งนั้น ดับไปเร็วดุจมายากล จึงปรากฏเสมือนว่าเป็นคนหรือเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งไม่ได้ดับไปเลย เพราะฉะนั้น กว่าจะรู้ความจริงได้ ก็ต้องเข้าใจธรรมที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว ซึ่งเป็นปริยัติโดยรอบรู้เป็นสัจจญาณคือไม่เปลี่ยน คือ มีการรู้ว่าขณะนี้พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้เห็น ขณะไหนก็ตามที่มีเห็นเกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย เห็นต้องดับ เป็นความจริงไหม ถ้ามีความเข้าใจว่าสิ่งนี้เป็นความจริง ผู้นั้นเป็นผู้ตรง ยังไม่รู้อย่างนี้ สามารถจะรู้ได้ไหม
พระผู้มีพระภาค ทรงแสดงหนทางที่จะให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับจนสามารถที่จะรู้ความจริงซึ่งเป็นอริยสัจจธรรมได้ เพราะฉะนั้น ขณะที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงความจริง และตรัสคำว่าขันธ์ ๕ หมายความว่าธรรมใดๆ ก็ตามซึ่งเกิดดับเป็นอดีต ปัจจุบัน อนาคต แต่ละหนึ่งสามารถจะรู้ได้ว่าเป็นทุกขสัจจ์ เพราะเหตุว่าลักษณะของทุกขสัจจะก็คือสภาพธรรมที่เกิดแล้วดับ ทรงแสดงไว้อย่างละเอียดทีละหนึ่ง มิฉะนั้นจะไม่ทรงแสดงเรื่องจักขุวิญญาณ (จิตเห็น) ไม่ทรงแสดงจักขุปสาทรูป ไม่ทรงแสดงว่ารูปารมณ์ซึ่งเป็นธาตุชนิดที่สามารถกระทบกับตา ถ้าสิ่งนั้นไม่กระทบกับตา จิตเห็นจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย แต่ขณะนี้สิ่งใดก็ตามที่กำลังปรากฏ แสดงว่ารูปนั้นกระทบกับจักขุปสาทะ ไม่ใช่รูปตาที่เราเห็นตาดำตาขาว ตาดำตาขาวเป็นสสัมภาระ หมายความว่าส่วนประกอบที่มีจักขุปสาทอยู่ตรงกลาง ถึงแม้ว่าจะกล่าวว่าขณะนี้ทุกคนมีตา ทุกคนคิดถึงตาดำตาขาว แต่ขณะที่บอกว่าทุกคนเห็น ทุกคนก็คิดว่าต้องอาศัยตา แต่ไม่รู้ว่าตาที่เรากล่าวถึงมีลักษณะอย่างไร รูปทั่วตัวตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจะมีรูปที่สามารถกระทบตาได้เพียงรูปเดียว ซึ่งใช้คำว่าจักขุปสาทะ (ตา) จะมีรูปเดียวที่สามารถกระทบเสียงได้ คือ โสตปสาทะ (หู) แต่ทั้งตา ทั้งหู และเสียง และ สิ่งที่ปรากฏ ไม่สามารถจะรู้อะไรได้ แต่เป็นปัจจัยให้ธาตุรู้คือจิตเกิดขึ้นพร้อมเจตสิกแล้วก็ดับไป ทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียด ไม่ใช่ให้คิดเอง ไม่ใช่ให้ไปรวมๆ กันว่า เกิดแล้วแก่แล้วเจ็บแล้วตายไม่เที่ยง เดี๋ยวเปลี่ยนแปลงไปเป็นสุขบ้างเป็นทุกข์บ้าง เท่านั้นไม่พอ เพราะใครๆ ก็รู้อย่างนั้น แต่ไม่ได้รู้ว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรมแต่ละหนึ่งซึ่งมีปัจจัยเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้น ไม่มีใครจะคิดธรรมได้เอง คิดเองเมื่อไหร่ ผิด เพราะไม่ใช่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ต้องศึกษาพระธรรมโดยการไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจของตนเอง มั่นคงเมื่อไหร่เป็นสัจจญาณ ถ้าไม่มีสัจจญาณ กิจจญาณไม่มี กตญาณไม่มี ถ้าไม่มี ปริยัติ ปฏิบัติ ไม่มี ปฏิเวธ ไม่มี นี่เป็นข้อความที่มีในพระไตรปิฎก
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป...
ช่วงประทับใจ (๑) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๒) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๓) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๔) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ช่วงประทับใจ (๕) ...สนทนาธรรมที่โรงแรมอิมพีเรียล แม่ปิง เชียงใหม่ _ มกราคม ๒๕๕๘
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
♤กราบอนุโมทนาขอบพระคุณ♤
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากรด้วยความเคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณท่านอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ที่เมตตานำมาถ่ายทอดให้ผู้ไม่มีโอกาสไปร่วมรับฟังสนทนาธรรม และขออนุโมทนาขอบพระคุณผู้ดำเนินการของชมรมบ้านธัมมะมศพ.จังหวัดเชียงใหม่
กราบขอบพระคุณท่านอจ.สุจินต์ ขออนุโมทนาอจ.คำปั่น และทุกๆ ท่านที่มีส่วนในการสนทนาธรรมครั้งนี้ค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ อนุโมทนา และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบเท้าบูชาพระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาในกุศลวิริยะและเมตตาของอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ครับ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาผู้มีส่วนร่วมในการสนทนาธรรมครั้งนี้ทุกท่าน
การถ่ายทอดสดทำให้ผู้ชมได้รับสาระของพระธรรมอย่างรวดเร็ว น่าสนใจ.
ได้บรรยากาศในการชมอย่างยิ่ง
สาธุคะ
อนุโมทนาค่ะ
สาธุขออนุโมทนาคะ
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ครับ
การสนทนาธรรมที่จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ 27-28 มกราคม 2558 ณ โรงแรมอิมพีเรียลแม่ปิง ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยจากความร่วมมือร่วมใจของชาวเชียงใหม่ และสหายธรรมบ้านธัมมะจากทั่วทุกสารทิศ ทำให้ห้องประชุมนั้นเต็มไปด้วยผู้มีจิตศรัทธา ใคร่จะศึกษาพระธรรม เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกในพระธรรมและละคลายความไม่รู้ที่มีมาเนิ่นนานให้ค่อยๆ ชำระออกได้ก็ด้วยความเข้าใจถูกที่มาจากการฟังเท่านั้น จึงขออนุญาตนำภาพสนทนาธรรมที่จังหวดเชียงใหม่ลงในกระทู้ของอาจารย์คำปั่น ซึ่งอาจารย์คำปั่นก็ได้กรุณาเป็นอย่างมาก ทั้งนี้มีเพียงภาพวันที่ 27 มกราคมเท่านั้น เนื่องจากกล้องถ่ายภาพเกิดขัดข้อง ซึ่งคุณวันชัย ภู่งาม ตากล้องประจำมูลนิธิ มาร่วมถ่ายภาพในวันที่ 28 มกราคม 2558 พอดี ท่านผู้สนใจสามารถติดตามภาพในกระทู้ของคุณวันชัยได้นะคะ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ด้วยความเคารพ
และขอกราบขอบพระคุณในกุศลจิตของอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย คุณวันชัย ภู่งามและทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
กราบนอบน้อมพระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
กราบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพอย่างยิ่ง
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาอาจารย์คำปั่น อักษรวิลัย ที่ถ่ายทอดสาระสำคัญได้ประโยชน์ยิ่ง ประทับใจเมื่อ 2 ปีก่อนได้ร่วมฟังพระธรรมอย่างอบอุ่นกับชาว มศพ.เขียงใหม่ (ห้างพันธ์ทิพย์)
อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ กุศลศรัทธา ของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลศรัทธาของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะ กุศลศรัทธา ของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ