ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วันนี้วันพฤหัสบดีที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๖๒ มีการสนทนาธรรมที่อาคารสัมมนาสิริประภา เขื่อนรัชชประภา (เขื่อนเชี่ยวหลาน) เป็นวันสุดท้าย ในช่วงเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๑.๓๐ น. ก็เป็นโอกาสที่ดียิ่งทุกครั้งที่มีโอกาสได้ฟังได้ศึกษาสิ่งที่ประเสริฐ ที่มีค่าที่สุดในสังสารวัฏฏ์ คือ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเป็นไปเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องโดยตลอด
ในการสนทนาธรรม เริ่มต้นด้วยข้อความบางตอนใน [เล่มที่ 25] พระสุตตันตปิฎก สังยุตต
นิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๔๐๕ ปุนัพพสุสูตร ที่แสดงถึงตัวอย่างของบุคคลผู้เห็นประโยชน์สูงสุดของการมีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ดังนี้
...ลูกของตนเป็นที่รักในโลก
สามีของตนเป็นที่รักในโลก
แต่ความปรารถนาในธรรมนั้น
เป็นที่รักของแม่ ยิ่งกว่าลูกและสามีนั้น
เพราะลูกหรือสามีผู้เป็นที่รัก
พึงปลดเปลื้องจากทุกข์ไม่ได้
ส่วนการฟังพระธรรม
ย่อมปลดเปลื้องเหล่าสัตว์จากทุกข์ได้
ในเมื่อโลกอันทุกข์แวดล้อมแล้ว
ประกอบด้วยชรา (ความแก่) และมรณะ (ความตาย)
แม่ปรารถนาจะฟังพระธรรม
ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ด้วยพระปัญญาอันยิ่ง
เพื่อพ้นจากชราและมรณะ...
อาจารย์อรรณพ หอมจันทร์ ได้กล่าวถึง ว่า ความรักความติดข้องความผูกพัน ไม่สามารถทำให้พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ แต่กลับทำให้สังสารวัฏฏ์ยืดยาวต่อไป ความจริงเป็นอย่างนี้ตามความเป็นไปของธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัย จึงขอโอกาสถอดเทปประมวลสาระสำคัญมาให้ทุกท่านได้อ่านและพิจารณาร่วมกัน ดังนี้
[ สิ่งที่เรารักที่เราผูกพัน ไม่ได้ช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้เลย แม้ว่าเรา
จะมีคนที่เขาหวังดี คนเป็นที่รักที่ผูกพันที่จะดูแล มีสามีภรรยา มีบุตร มีพ่อแม่
มีญาติมิตรบริวารต่างๆ ที่อาจจะมีความรักความกตัญญู ช่วยเหลือเกื้อกูลกันจนวันตาย อันนั้นจริงหรือเปล่า ก็ไม่รู้ แม้อยู่ๆ ก็เปลี่ยนใจกันไปแล้ว ก็มีเยอะแยะ ไม่ต้องรอจนวันตาย เปลี่ยนใจไม่ช่วยเหลือกันแล้ว ก็มี
ต่อให้รักให้ผูกพันอย่างไร สิ่งที่เรารักที่เราผูกพันไม่ได้ช่วยให้พ้นจากทุกข์ได้เลย ผู้ที่เป็นมารดาบิดาก็รักบุตร บุตรก็รักมารดาบิดาโดยทั่วไป กตัญญูดูแล แต่ช่วยได้ไหม ยังไม่ต้องพูดถึงการไม่ได้ช่วยให้พ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ แม้ทุกข์กาย ช่วยได้ไหม พ่อแม่ญาติพี่น้องเห็นผู้ที่เจ็บป่วยก็พยายามช่วยเหลือดูแลรักษาพยาบาลกันทุกอย่าง แต่เราจะไปให้เขาไม่ได้รับอกุศลวิบาก จะช่วยให้เขาไม่ได้รับทุกข์กาย ช่วยไม่ได้ เพราะเป็นผลของกรรม แม้จะมีปัจจัยอื่นๆ เป็นปัจจัยด้วย แต่เมื่อกรรมเป็นปัจจัยก็เป็นเหตุให้ทุกขเวทนาเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น คนที่รักที่ผูกพันมารุมล้อมรอบเรา จะช่วยให้เราไม่เจ็บไม่ตายได้ไหม นี้เบื้องต้นก่อนก็พอที่จะเข้าใจได้ แต่ที่ลึกไปกว่านั้น ถ้ารักถ้าผูกพันอย่างมากมายทั้งในคนสัตว์สิ่งต่างๆ ก็ไม่อาจที่จะทำให้พ้นไปจากทุกข์ คือ ความเกิดขึ้นในสังสารวัฏฏ์ได้ แต่ที่น่าคิดไปอีก ก็คือว่า สิ่งที่รักที่ผูกพัน ไม่ได้ช่วยให้พ้นทุกข์ แต่ทำให้อยู่ในสังสารวัฏฏ์
ต่อไป
ก็น่าคิดว่า รักใครมากที่สุด ผูกพันใครมากที่สุด? ตัวเอง
ความรักตนนั้นสุดประมาณ คนที่เป็นคุณพ่อคุณแม่รักลูก ถามว่า รักลูกตลอดเวลาหรือเปล่า? ไม่ใช่เลย เดี๋ยวไปทำงาน ก็คิดเรื่องงาน วันนี้ไปเจอของที่เราสนใจ เช่น เสื้อผ้า เราก็จะซื้อเสื้อผ้า ขณะที่เราเลือกซื้อเสื้อผ้า ขณะนั้น คิดถึงลูกไหม? จิตขณะนั้นก็ไม่ได้คิดถึงลูก แต่ไปผูกพันกับสิ่งอื่น เพราะฉะนั้น ก็จะไปผูกพันในสิ่งโน้นบ้าง สิ่งนี้บ้าง ดังนั้น ที่ว่าลูกสามีภรรยาหรือคนที่สนิทที่คิดว่าเป็นที่รักนั้น ก็ไม่ได้มีความคิดถึงคนนั้นตลอดเวลา แต่เมื่อตื่นขึ้น ขยับตัวขึ้น คิดถึงใครก่อน? คิดถึงตัวเอง ขยับตัวก็รู้ว่าเราอยู่ที่ไหน
เพราะฉะนั้น เรา ตลอด และ ในขณะที่รักคนอื่น ก็เพราะว่ารักตัวเอง ใช่ไหม?
รักคนอื่นมากก็รักตัวเองมาก บางคนบอกว่าแม่รักลูกมากเลย รักลูกมากเท่าไหร่ ก็แสดงว่ารักตัวเองมากกว่าที่รักลูก เพราะลูกของเรา แล้วก็รักสิ่งอื่นด้วย ไม่ใช่เฉพาะรักลูก เช่น บ้าน สิ่งของต่างๆ เรื่องราวต่างๆ ติดข้องสารพัด เพราะฉะนั้น ก็ติดข้องในทุกอย่างมากมาย แต่มาจากความเป็นเราทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผูกพันมากที่สุด ก็คือ ความเป็นเรา และเมื่อผูกพันว่าเป็นเรา จึงไม่อาจพ้นจากทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ได้ ]
ไม่ว่าจะได้ยินได้ฟังเรื่องอะไร ก็ไม่พ้นไปจากความเป็นจริงของธรรม ที่ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน เช่น ความติดต้อง ก็มีจริง เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงๆ เกิดเขึ้นเป็นไปตามเหตุปัจจัย เป็นต้น การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม ก็ต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษาสะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย เพราะสะสมความไม่รู้มามาก กว่าจะค่อยๆ เข้าใจขึ้น ก็ต้องอดทน จริงใจที่จะฟังที่จะศึกษาต่อไป ด้วยความเคารพในคำจริงแต่ละคำที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง เพราะความเข้าใจถูกเห็นถูกนี้แหละ จะสะสมสืบต่อเป็นที่พึ่งต่อไป ดังข้อความที่ปรากฏในหนังสือ
“เก็บไว้ในหทัย” ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ได้กล่าวไว้
ให้ข้อคิดเตือนใจที่ดีเป็นอย่างยิ่ง ดังนี้ คือ
~ ฟังพระธรรม เพราะรู้ว่าความไม่รู้มีมาก ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม
ความไม่รู้ก็ยิ่งมีเพิ่มมากขึ้น แล้วจะอยู่ต่อไปในสังสารวัฏฏ์
อีกนานเท่าไหร่
~ เรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจากโลกนี้ไป อะไรก็ไม่สามารถติดตามไปได้เลย ทรัพย์สมบัติหรือว่าร่างกาย ก็ไปไม่ได้
แต่ว่าความเข้าใจถูกเห็นถูก ที่ค่อยๆ สะสมโดยความไม่ประมาท
จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
กราบอนุโมทนาอาจารย์อรรณพ หอมจันทร์
อนุโมทนาในกุศลจิต
ของเรืออากาศตรีโสภณ - คุณจริยา จ่ายพัฒน์
และทุกๆ ท่านด้วยครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนา สาธุค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาครับ
อนุโมทนาและขอบพระคุณท่านอาจารย์ กัลยาณมิตรทุกท่านคะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาแด่ทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ