การอบรมเจริญสติปัฎฐานนั้น จะเจริญกายานุปัสสนาอย่างเดียว จะไม่ระลึกรู้ลักษณะของนาม คือ เวทนา จิต ธรรม จะรู้รูปเพียงอย่างเดียวแล้วไม่รู้นามเลย แล้วท่านจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม จะเป็นไปได้ไหม การระลึกรู้สภาพธรรมที่กายจะมีลักษณะของรูปปรากฎ เพราะเหตุว่าที่ยึดถือว่าเป็นกายนี้ คือรูป เป็นลักษณะของรูปต่างๆ ที่ประชุมรวมกัน แล้วจะมีแต่เพียงความรู้ลักษณะของรูปโดยไม่รู้ลักษณะของนามทำให้สามารถละสักกายทิฎฐิ การยึดถือว่านามรูป เป็นตัวตน จะได้ไหม?
การเจริญสติปัฎฐานไม่ใช่ให้เจาะจงรู้แต่เฉพาะกายานุปัสสนา หรือเวทนานุปัสสนา หรือจิตตานุปัสสนา หรือธัมมานุปัสสนา เพราะเหตุใด เพราะเหตุว่าผู้มีปกติเจริญสติ สติเป็นอนัตตาไม่มีตัวตนที่จงใจไปเลือกว่าจะเจริญเพียงปัฎฐานเดียว จะรู้เพียงรูปหรือรู้เพียงนามก็จะไม่ถึงแม้นามรูปปริจเฉทญาณ แม้เพียงญาณขั้นต้นก็ต้องประจักษ์ชัดใน นามและรูป ฉะนั้นผู้ที่เจริญสติปัฎฐานจะข้ามไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นกาย เป็นเวทนา เป็นจิตและเป็นธรรม
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
จะระลึกฐานใดเป็นเรื่องของสติ ไม่ไช่เรา
อนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ . . .
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา สติเป็นอนัตตา สติจะเกิดระลึกในกาย เวทนา จิต ธรรมก็แล้วแต่สติจะเกิดระลึกอะไร ขณะที่เลือกจะรู้กายก็ไม่ใช่สติแต่เป็นการจดจ้องต้องการ (โลภะ) ที่จะรู้ในสิ่งนั้น การอบรมปัญญาต้องรู้ทั่ว รู้ทั้งกาย (รูป) รู้นามด้วย แต่ต้องเป็นเรื่องของธรรมคือ ธรรมทำหน้าที่สติและปัญญาทำหน้าที่รู้ ระลึกในสภาพธรรมใดก็ได้จนรู้ทั่วทั้งนามธรรมและรูปธรรมครับ
ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
กายานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือ มีสติระลึกรู้สภาพธรรมที่ปรากฏที่กาย เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือมีสติระลึกรู้สภาพความรู้สึก ดีใจ เสียใจ สุข ทุกข์ จิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือมีสติระลึกรู้สภาพลักษณะของจิต จิตดี จิตไม่ดี ฯลฯ ธัมมานุปัสสนาสติปัฏฐาน คือมีสติระลึกรู้สภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นของจริง ทั้ง 4 อย่างนี้ อย่าเลือกรู้ทีละอย่าง ต้องแล้วแต่สภาพธรรมใดจะเกิดค่ะ ฯลฯ
อนุโมทนาคะ