อริยสัจจ์ ๔ หมายถึง ความจริงอันประเสริฐที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค เพียงอริยสัจจ์แรก "ทุกข์ " ท่านมีความเข้าใจถูกต้องที่จะอบรมความเห็นถูก เข้าใจถูก ในลักษณะสภาพของนี้ "ทุกข์" หรือยัง? เมื่อก่อนข้าพเจ้าจะท่องได้ว่า "ทุกข์" คือ ความทุกข์ สภาพที่ทนได้ยาก ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ การพบกับสิ่งที่ไม่พอใจ การพลัดพรากจากสิ่งที่รัก สรุปโดยย่อ อุปาทานขันธ์ ๕ เป็นทุกข์ ข้าพเจ้าจะท่องได้และคิดว่าเข้าใจ แต่จริงๆ แล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าใจถึงตัวสภาพ "ทุกข์" ที่มีจริงเกิดดับอยู่ทุกขณะในชีวิตปัจจุบัน
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านชี้ให้เข้าใจถึงคำว่า "นี้ทุกข์" คือเดี๋ยวนี้ ขณะนี้ มีสิ่งที่กำลังปรากฏ กำลังเห็น ได้ยินทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น และดับไปอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่มีจริงที่ควรรู้ควรพิจารณาให้เข้าใจ
ผมรู้จักทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ แต่สำหรับทุกข์ซึ่งเป็นสภาพทั่วไปแก่สังขารธรรมนั้น ผมได้ฟังว่ามีอยู่ เชื่อว่ามีอยู่ เข้าใจว่ามีอยู่ แต่ว่าไม่เคยประจักษ์แม้สักครั้ง ไม่เคยเห็นด้วยปัญญาแม้สักครั้ง
ขอสารภาพว่า นี้ทุกข์ ผมไม่มีความเห็น เพราะมีแต่ความไม่เห็น มืดมัวไปหมดครับ
อนึ่ง ผมขอสักการะบูชา ท่านผู้เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง ท่านผู้ประจักษ์ว่าสังขารธรรมเป็นทุกข์ และท่านผู้พร่ำสอนให้ผมตระหนักว่า สังขารธรรมเป็นทุกข์
ขอนอบน้อมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงมีพระสัทธรรมเป็นพระรัศมี ส่องสว่าง กำจัดความมืดในใจของปวงชน
ไม่ว่าพระพุทธองค์จะทรงแสดงความจริงโดยนัยใดเช่น ขันธ์ ธาตุ ธรรมะ ฯลฯ และอริยสัจ๔ ก็ไม่พ้นไปจากลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั่นเอง ซึ่งได้แก่ เห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ได้ยินเสียง คิดนึก เป็นต้น ถ้าไม่มีโอกาสฟังท่านอาจารย์สุจินต์ นำพระธรรมมาพร่ำสอนพวกเรา เป็นเวลากว่า ๕๐ ปีด้วยความเมตตาและกรุณา พวกเราก็จะไม่มีวันเห็นถูกเข้าใจถูกว่า ทุกอย่างเป็นธรรมะ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ด้วยความซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ก็เคยแต่นึกถึงเรื่องไตรลักษณ์ทั่วไปอย่างเดียว
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตน
แบบท่องได้ แต่ไม่เห็นจริง
ไม่เคยนึกเลยว่า นี้ทุกข์ จะละเอียดมากมายถึงอย่างนั้น
นี้ คือ สภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงขณะนี้ ขณะเดียว สั้นมาก เพราะยังไม่มีปัญญา ไม่ได้รู้ชัดหรือประจักษ์ในสภาพธรรมตามจริงอย่างนั้น เลยไม่สามารถเข้าใจละเอียดชัดเจนในคำว่า นี้ทุกข์ ไปด้วย
ขอกราบขอบพระคุณท่านอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ
ขออนุโมทนาพี่เมตตา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ตราบใด ที่ยังไม่ประจักษ์ การเกิดดับของสภาพธรรม ก็ไม่เห็นไตรลักษณ์ก็ไม่เห็น "ทุกข์"
จึงยังเป็นผู้ประมาท ขณะที่ไม่ประมาทคือ ขณะที่สติปัฏฐานเกิดไม่มีเราที่รู้ แต่เป็นจิตและเจตสิก ทำกิจรู้รูปธรรม หรือ นามธรรมที่กำลังเกิดในขณะนั้นๆ หากอบรมเจริญสติไปเรื่อยๆ สะสมทีละน้อยจนกว่าจะมีกำลังเป็นปัญญาที่สูงขี้นทีละเล็ก ทีละน้อยค่อยเป็น ค่อยไป.
มีพระธรรม เป็นที่พึ่งและ พึ่งพระธรรมได้ก็ต่อเมื่อศึกษาด้วยความเคารพ ให้เข้าใจก่อนน้อมนำมาพิจารณา บ่อยๆ เนืองๆ และน้อมประพฤติปฏิบัติตามตามกำลังของสังสารขันธ์ที่ปรุงแต่งตามเหตุตามปัจจัยจนกว่าจะไม่มี "เรา" มีแต่สภาพธรรมชนิดต่างๆ เกิด ดับเป็นทุกข์ เพราะไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงไป ตามเหตุปัจจัยบังคับไม่ได้ ความรู้ขั้นปริยัติยังไม่สามารถ "เห็นทุกข์" จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ที่จะประจักษ์ได้โดยไม่มีเหตุ
หนทางนั้นมี แต่ต้องมีกำลังเมื่อไม่พัก ไม่เพียรย่อมถึงได้สักวันอย่างที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย ได้ถึงแล้ว.
จิรกาลภาวนา
ขออนุโมทนาค่ะ
นี้ หมายถึงสภาพธรรมที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ ทุกข์ เพราะไม่เที่ยงเกิดขึ้นแล้วดับไป นี้ทุกข์ เป็นสภาพธรรมที่มีจริงขณะนี้เกิดขึ้นและดับไปอย่างรวดเร็ว หากหลงลืมสติที่จะพิจารณาเป็นเหตุให้ยึดถือธรรมะที่ปรากฏว่าเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล เป็นเรา ถ้าเป็นเราไม่สามารถละอกุศลธรรมได้ ถึงจะรู้ว่านี้ทุกข์แต่หลงลืมสติที่จะพิจารณา จึงไม่ประจักษ์ว่านี้ทุกข์จริงๆ ขอกราบท่านอาจารย์ที่กล่าวเสมอให้พิจารณาสภาพธรรมขณะนี้และทำให้เข้าใจ นี้ทุกข์ อย่างไร
แค่ไม่พอใจ ก็ ทุกข์ แล้ว
"นี้ทุกข์" คือเดี๋ยวนี้ ขณะนี้มีสิ่งที่กำลังปรากฏ กำลังเห็น ได้ยินทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นและดับไปอยู่ตลอดเวลาเป็นสิ่งที่มีจริงที่ควรรู้ควรพิจารณาให้เข้าใจ การศึกษาธรรม เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่าเป็นธรรมจริงๆ เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เท่านั้น เพราะธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นเป็นไปทุกๆ ขณะในชีวิตประจำวัน จึงควรค่าแก่การศึกษาค่ะ
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ด้วยความเคารพและซาบซึ้งในพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ
ขออนุโมทนาคุณเมตตาค่ะ
ต้องอาศัยการฟัง การอ่าน การสนทนา และศึกษาอย่างละเอียดว่า "นี้" คืออะไร และเป็น"ทุกข์" อย่างไร และต้องอาศัยความอดทนพิจารณา ระลึกรู้ชีวิตในแต่ละขณะนี้ว่ามีลักษณะที่แท้จริงเป็นอย่างไร จึงจะนำไปสู่การรู้ชัดว่า "นี้ทุกข์" ได้จริงๆ ซึ่งยังเป็นหนทางอันแสนไกล
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
นี้ทุกข์ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ความเศร้าโศกก็เป็นทุกข์ ความพลัดพรากก็เป็นทุกข์ แต่จะมีสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย ถ้าไม่มีสภาพธรรม ดังนั้น อุปาทานขันธ์ 5 คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้นี่เองที่ไม่เที่ยง จึงเป็นทุกข์และนำมาซึ่งความทุกข์อีกมากมายเพราะมีสภาพธรรม ดังนั้น การอบรมปัญญาคือ รู้ว่า นี้ทุกข์ คือรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราครับ
ขออนุโมทนา
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณยินดีในกุศลพี่เมตตา และทุกท่านด้วยความเคารพ