มีใครเป็นแบบผมบ้างครับ?
โดย เจริญในธรรม  7 ส.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 9490

1. ผมสวดมนต์อะระหันต์สัมมาสัมพุทโธทุกคืน แต่ทุกครั้งที่สวดก่อนนอนทุกครั้งจะขนลุกตลอด

2. การที่ขนลุกเกิดจากอะไรครับ?



ความคิดเห็น 1    โดย paderm  วันที่ 7 ส.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การศึกษาธรรมเป็นเรื่องการอบรมเจริญปัญญา ดังนั้นไม่ว่าสิ่งใดที่เกิดขึ้นก็ตาม จึงควรเข้าใจว่าขณะนั้นปัญญารู้อะไร ขนลุกเกิดได้ทั้งจิตที่เป็นกุศลและอกุศล แต่ขณะนั้นปัญญาเข้าใจความจริงของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือไม่ ว่าคืออะไร เป็นธรรมหรือยึดถือว่าเป็นเราที่ขนลุกหรือเป็นเราด้วยอาการต่างๆ ที่เกิดขึ้น ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ขนลุกหรือสงสัยในสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ให้เข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว หากไม่มีสภาพธรรมที่เป็น จิตและเจตสิกแล้ว ขนลุกหรืออาการต่างๆ ก็มีไม่ได้เลย และแม้ความยินดีพอใจที่ขนลุกก็เป็นสภาพธรรมที่มีจริง การอบรมปัญญาจึงเพื่อเข้าใจความจริงในสิ่งที่เกิดขึ้นว่าไม่พ้นไปจากสภาพธรรมและเป็นธรรมไม่ใช่เรา โดยเริ่มจากการฟังให้เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรมและธรรมคือสิ่งที่มีจริงในขณะนี้

ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 2    โดย ปริศนา  วันที่ 8 ส.ค. 2551


ใครก็ตอบแทนกันไม่ได้เพราะเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตนกุศลและอกุศลเกิดดับสลับกันได้หากสติเกิด

ย่อมรู้ได้เฉพาะตนว่าขณะไหนกุศลขณะไหนอกุศลหากรู้ "ลักษณะ"ของสภาพธรรมที่เป็นกุศลของสภาพธรรมที่เป็นอกุศลด้วยความเห็นถูกและความเป็นผู้ตรงต่อตนเองจะรู้จักลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังเกิดในขณะนั้นๆ ตามความเป็นจริงค่ะ.


ความคิดเห็น 3    โดย MUTITA  วันที่ 8 ส.ค. 2551
สาธุ

ความคิดเห็น 4    โดย nida  วันที่ 9 ส.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ

ความคิดเห็น 5    โดย PUM  วันที่ 9 ส.ค. 2551

ขณะนั้นจิตสงบเป็นสมาธิ หรือมีศรัทธามากๆ ใช่ไหมครับ น่าจะเป็นปีติ - ความอิ่มใจ

//th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%B4


ความคิดเห็น 6    โดย wannee.s  วันที่ 9 ส.ค. 2551

ถ้าสวดมนต์ด้วยความเคารพนอบน้อม ระลึถถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

จิตขณะนั้นซาบซึ้งในพระรัตนตรัยเป็นกุศลจิต ก็จะเกิดปิติขนลุกได้ เช่น ในสมัยครั้ง

พุทธกาล พระเจ้ามหากัปปินะ ได้ยินว่าพระพุทธเจ้าอุบัติ ก็เกิดปิติขนลุก แล้วท่านก็

ละทิ้งสมบัติออกบวช ภายหลังก็ได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย ajarnkruo  วันที่ 9 ส.ค. 2551

๑. สภาพของจิต เป็นสภาพที่รู้ได้ยาก ไม่มีใครสามารถตอบแทนกันได้ มากที่สุดก็ทำได้เพียงการอนุมานว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ แต่ถ้าเป็นปัญญา ย่อมตอบคำถามที่สงสัยได้ตามลำดับขั้นของความเข้าใจความจริง ทั้งที่ดับไปและที่กำลังปรากฏในขณะนี้ แต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ยิ่งกว่า คือการใส่ใจศึกษาในสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้

๒. รูปเป็นไปตามสมุฏฐาน (ที่เกิด) ของรูป บางรูปเกิดจากจิต บางรูปเกิดจากอุตุ ฯลฯ ถ้าไม่มีจิต จะไม่มีการรู้ว่า อาการที่ขนลุกเป็นอย่างไร สิ่งที่ควรศึกษา คือ รูปและนามใน ขณะนี้ครับ


ความคิดเห็น 8    โดย Komsan  วันที่ 9 ส.ค. 2551
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ

ความคิดเห็น 9    โดย suwit02  วันที่ 9 ส.ค. 2551

สาธุ


ความคิดเห็น 10    โดย เทวราช  วันที่ 24 ส.ค. 2551

ขนลุกขณะสวดมนต์ ถ้าพูดกับมนุษย์ก็จะบอกว่าเกิดจากจิตที่เป็นกุศลมากกว่าอกุศล แต่ถ้าดูแบบผู้มีปัญญาก็จะบอกว่าเกิดได้ทั้งกุศลและอกุศล ถ้าเป็นมนุษย์ก็จะบอกว่าเกิดปิติขึ้นในใจส่วนผู้มีปัญญาก็จะบอกว่าเป็นธรรมดากับสิ่งที่เกิด เพียงเราต้องการไปไปกับมันหรือเท่าทันมัน เพราะอย่างไรเมื่อขนลุกเสร็จเรียบร้อยแล้ว มันก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ไปได้ทั้งกุศลและอกุศลแล้วแต่คุณจะเลือก ส่วนมากมนุษย์จะเลือกทำตามใจตัวเองก่อน ส่วนผู้มีปัญญาก็จะเลือกตามใจคนอื่นก่อน นี่คือสัจธรรมดังนั้นอยากเลือกอย่างไหนก็คิด ดูนะ


ความคิดเห็น 11    โดย paderm  วันที่ 24 ส.ค. 2551

จึงเป็นเรื่องของปัญญา ปัญญารู้จริงในขณะนั้นจึงจะรู้ว่าขณะใดเป็นกุศลหรืออกุศลครับ

พระธรรมไ่ม่ใช่ให้เลือกเพราะความพอใจแต่ละคนแต่เพราะเป็นสัจธรรมรู้ได้ด้วยปัญญา

กุศลเป็นกุศล อกุศลเป็นอกุศล ปัญญาเท่านั้นที่รู้ตามความเป็นจริง


ความคิดเห็น 12    โดย เทวราช  วันที่ 26 ส.ค. 2551
โมทนาคับ