เล่ม 9 หน้า 65 เรื่องเรียนคัมภีร์โลกายตะ
สมัยนั้น พระฉัพพัคคีย์เรียนคัมภีร์โลกายตะ ชาวบ้านจึงเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า เหมือนคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายได้ยินชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่เห็นคัมภีร์โลกายตะว่ามีสาระ จะพึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้หรือ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า อันผู้ที่เห็นธรรมวินัยนี้ว่ามีสาระ จะพึงเล่าเรียนคัมภีร์โลกายตะหรือ
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนคัมภีร์โลกายตะ รูปใดเรียนต้องอาบัติทุกกฏ
สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์สอนคัมภีร์โลกายตะ ชาวบ้านจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนา ว่า เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ การกระทำของเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส
ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถา รับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนคัมภีร์โลกายตะ รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ เรื่องเรียนดิรัจฉานวิชา (วิชาที่ขัดกับทางดำเนินไปพระนิพพาน)
สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์เรียนดิรัจฉานวิชา ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนดิรัจฉานวิชา รูปใดเรียน ต้องอาบัติทุกกฏ
สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์สอนดิรัจฉานวิชา ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียนโพนทะนาว่า เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนดิรัจฉานวิชา รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ
จากการอ่านพระสูตรนี้แล้ว ขอท่านผู้แตกฉานในพระไตรปิฎกช่วยอธิบายให้ด้วยค่ะ เพราะเห็นว่าการเรียนการสอนในมหาวิทยาลัยของพระทั้งหลาย มีการเปิดสอนคณะที่เป็นทางโลกมากมาย
ขออนุโมทนาครับ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนดิรัจฉานวิชา รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ
ชัดเจนดีจังค่ะ ขออนุโมทนาที่คัดข้อความอันมีประโยชน์นี้มา เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาต่อไป
วิชาใดๆ ในโลก ไม่มีวิชาใหนวิเศษเท่ากับวิชาทางธรรมะเลยค่ะ ปัญญาจะเกิดขึ้นได้ต้องมาจากปริยัติธรรม พระอริยสาวกทั้งหลายอาศัยแล้วจึงถึงความเป็นสังฆรัตนะ
ปัญญาที่ประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมเกิดจากการฟังพระธรรม ผู้ที่เห็นคุณของพระรัตนตรัยมีพระรัตนตรัยเป็นสรณะ ย่อมไม่ขาดการฟังพระธรรมซึ่งเป็นปริยัติธรรม
ข้อสำคัญที่สุดสำหรับผู้ที่ฟังพระธรรมและศึกษาพระธรรม คือ ต้องรู้ว่าเพื่อน้อมประพฤติปฏิบัติตาม เท่าที่สามารถจะกระทำได้ อย่าได้เป็นผู้ที่เพียงฟัง จึงชื่อว่า เป็นผู้ที่เคารพในพระธรรมจริงๆ
ทำให้เข้าใจมากขึ้นจริงๆ ครับ ขอบพระคุณที่ยกข้อความในพระไตรปิฎกให้เข้าใจในเรื่องนี้
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ยินดีในบุญกุศล ครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ