นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธธัสสะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ซึ่งเป็นผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง
กราบเท้า บูชา พระคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอเชิญรับฟัง...
ศึกษาอย่างไรจึงจะถึงตัวจริงของธรรม
สุ. แต่เราจะมา เจาะจง รู้ว่า แล้ว ขณะนี้ๆ เป็นปฏิฆะ หรือว่า เป็นโทสะ หรือว่า เป็นพยาปาท ใครสามารถที่จะบอกได้ ในเมื่อ“ลักษณะ”นั้น เป็นอย่างนั้นแล้ว ความหมายของพยาปาท ก็ต่างระดับด้วย แม้ว่า จะใช้พยาปาทสำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระโสดาบัน หรือ พยาปาทสำหรับผู้ที่เป็นพระโสดาบันลักษณะของพยาปาท ก็คือ โทสะ แต่ว่าก็ ต่างขั้น ต่างระดับ
ผู้ถาม ที่อาจารย์บอก ไม่ต้องใช้ “ชื่อ” ศึกษาอย่างไร ถึงจะถึง ตัวจริงของธรรม เพื่อไม่ต้องใช้ “ชื่อ”
สุ. คือ สภาวธรรม“มี” โดยที่ว่า มี“ชื่อ”ต่างๆ ก็จริง แต่ เราไม่ควรที่จะคิดถึง “ชื่อ” ในขณะที่ สภาวธรรมนั้น ปรากฏ ขณะนี้ มีเห็น แล้วก็จะไป คิดถึง “ชื่อ” จักขุวิญญาณ ก็ไม่สามารถ ที่จะ “เข้าใจ” ใน สภาวธรรม ซึ่งเป็น ธาตุรู้ จึง เห็น สิ่งที่กำลังปรากฏ ในขณะนี้ เพราะฉะนั้น ไม่ได้ หมายความว่า "ชื่อ" ไม่สำคัญ แต่ ต้องทราบว่า ในครั้งอดีต ผู้ที่เข้าใจธรรม จนกระทั่ง รู้แจ้ง อริยสัจจธรรม ถึง ความเป็นพระอรหันต์ ความรู้ของท่าน จะกว้างขวาง มากมาย สักแค่ไหน และ ยิ่ง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นผู้ที่บุคคลอื่นเปรียบไม่ได้เลย อย่างที่ ได้กล่าวถึง โคสิงคสาลวัน แก้ปัญหา ที่ชาวบ้าน อาจจะคิดว่า ต้องไปทูลถามหรือ แต่ ความที่ ท่านเหล่านั้น รู้ ปัญญาของท่านเองแม้เพียง “คำเดียว” พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะทรงแสดงธรรม ประการอื่น อีก ที่จะทำให้ชัดเจน กว่านี้ กว่าที่ ปัญญาของท่านเหล่านั้นคิด หรือเปล่า เป็นเหตุที่ ทำให้ท่านไปกราบทูลถาม ฉันใด เวลาที่เรา ศึกษา พระสูตร หรือ พระอภิธรรม ก็จะเห็น ความหลากหลาย
พระปัญญาคุณ ซึ่งเปรียบเหมือน ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาล แล้วเรา รู้ได้แค่ไหน เข้าใจแค่ไหน เพราะฉะนั้น เราก็จะ “รู้จัก” ... “ลักษณะของสภาพธรรม” โดยที่ว่า เราได้ยิน“ชื่อ”ต่างๆ มามาก แต่ที่จะให้บอกว่า ขณะนั้นที่กำลังโกรธ จะน้อยจะมาก ยังไงก็ตาม เป็นโทสะ หรือว่า เป็นพยาปาท
นี่ก็แสดงให้เห็นว่า เราจะต้องคิด ถึงระดับของพระโสดาบัน หรือเปล่า ที่ท่านก็มีโทสะ และ ใช้คำว่าพยาปาทด้วย เพราะฉะนั้น ก็เป็น “เรื่องความคิด” ตลอด แต่ถ้าเราเข้าใจว่า ไม่ว่า ชื่อไหนๆ ก็คือ สภาวธรรมนี้แหละ และ เวลาที่สภาพธรรมนั้น ปรากฏ ระดับนั้น กำลังปรากฏ ให้เห็นว่า ไม่ใช่ระดับอื่น โดยที่ว่า ไม่มี “ชื่อ” เข้ามาเกี่ยวข้องเลย หรือว่า ยังอยาก ที่จะ รู้ “ชื่อ” อยู่ ว่า แล้วท่านเรียกว่ายังไง นี่ก็เป็นเรื่องที่ว่าแล้วแต่ ปัญญาของเรา ต้องศึกษาให้รอบรู้จนทั่ว
ไม่ได้ปฏิเสธ ว่า ไม่ควรศึกษา แต่ควรที่จะเข้าถึง อย่างละเอียดรอบคอบ และ ก็กว้างขวางลึกซึ้งด้วย แต่ว่าปัญญาของเราจะถึงระดับไหน.
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนากุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี (ใหญ่ราชบุรี)
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ