ในชีวิตประจำวันอกุศลจิตเกิดขึ้นมากมายเกือบตลอดทั้งวัน สะสมอกุศลซึ่งเปรียบเสมือนขยะที่เน่าเหม็นอยู่ในใจ โอกาสที่จะค่อยๆ กำจัดขยะออกไปจากใจก็แสนยาก เพราะเหตุว่ากุศลจิตเกิดน้อยมากในแต่ละวัน มีแต่จะพอกพูนขยะซึ่งก็คือโลภะ โทสะ โมหะ และกิเลสต่างๆ เพิ่มมากขึ้นอยู่ในจิต มีอาวุธใดที่จะกำจัดขยะในใจได้ นอกจากปัญญาแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะเก็บกวาดขยะเหล่านี้ออกไปได้ อาวุธคือปัญญา ถ้าไม่มีปัญญาก็ไม่สามารถดับกิเลสได้
เพราะฉะนั้นการฟังธรรมเพื่อให้เกิดความเห็นถูก เข้าใจถูกในลักษณะสภาพธรรม ซึ่งเป็นปัญญาขั้นปริยัติ ความเข้าใจที่ค่อยๆ สะสมมากขึ้น เป็นปัจจัยให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง เป็นปัญญาขั้นปฏิบัติ การอบรมเจริญปัญญาต้องเป็นลำดับขั้นจนกว่าปัญญา ขั้นปฏิเวธจะเกิดขึ้นประหานกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉท กำจัดขยะในใจจนหมดสิ้นสะอาด ... บริสุทธิ์
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
เป็นหัวข้อที่น่าสนใจ
ขออนุโมทนา ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
เรียนถามค่ะ
ที่กล่าวว่า การอบรมปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับขั้นนั้น หมายความว่า ถ้าไม่ได้ฟังและพิจารณาพระธรรม ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ปัญญาขั้นปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้ ใช่หรือไม่
คุณวิริยะเข้าใจถูกแล้วค่ะ ถ้าไม่ได้ฟังและพิจารณาพระธรรมว่าสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้เป็นเพียงลักษณะสภาพธรรมแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่ปัญญาขั้นปฏิบัติจะเกิดขึ้นได้
ขออนุโมทนาในกุศลวิริยะค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะพี่เมตตา
ขออนุโมทนาครับ
ขยะ หมายถึงสิ่งที่ไม่ควรนำมาใช้ ขยะแขยง หมายถึงความรู้สึกรังเกียจ อกุศลเป็นขยะในจิตที่น่ารังเกียจไม่ควรมี แต่ตราบใดที่ยังเป็นปุถุชนก็ยังมี การศึกษาพระธรรมทำให้รู้ว่าสิ่งใดเป็นขยะ (ในใจ) สิ่งใดไม่ใช่ขยะ โดยไม่เข้าใจผิดคิดว่าขยะเป็นสิ่งดีเช่น โลภะ เป็นต้น และรู้หนทางที่จะละกำจัดขยะออกไป การขจัดออกไปได้ด้วยปัญญา มากหรือน้อยตามลำดับของปัญญาและหนทางที่จะไม่เหลือขยะในใจเลยคือพระอรหันต์
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาขอบคุณมากค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ