ที่อาจารย์กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องไปหาเรือนสงบ หรือโคนไม้เพื่อหลีกเร้นสังคมหมู่มากก็สามารถปฏิบัติได้ ผมก็เห็นไม่ตรงกับอาจารย์ เนื่องด้วยการอยู่ในสังคมสามารถปฏิบัติสติปัฏฐานได้ แต่มีโอกาสที่สติระลึกได้น้อย เพราะมีหน้าที่การงานและบุคคลรอบด้านที่ต้องติดต่อ แม้แต่เวลาที่จะหยุดพิจารณาธรรมหรือฟังธรรมยังมีได้น้อย จึงเข้าใจว่า ในการปฏิบัติสติปัฏฐานอย่างไรก็ต้องมีเวลาฟังธรรม และแสวงหาความเงียบและสันโดษ เพื่อได้มีเวลาพิจารณาธรรม และระลึกตามสภาพความเป็นจริง
การอบรมเจริญสติปัฏฐาน ต้องเป็นปกติในชีวิตประจำวัน แล้วแต่การสะสมของแต่ละคน พระอริยสาวกมากมายในพระไตรปิฎก ที่ไม่ได้ออกบวชแสวงหาที่สงบสงัด ขอยกตัวอย่างพระโสดาบัน ๓ ท่าน คือ
๑) วิสาขามหาอุบาสิกา เป็นผู้ที่มีบุตรหลานมาก และมีเครื่องแต่งตัวงดงาม
๒) ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เป็นพ่อค้าทำการค้าขาย เดินทางค้าขายไปตามเมืองต่างๆ
๓) พระเจ้าพิมพิสาร เป็นพระราชาปกครองเมืองราชคฤห์ การบรรลุธรรมของพระอริยบุคคลแต่ละท่าน ที่แสดงไว้ก็เป็นปกติจริงๆ แม้แต่ผู้ที่เป็นพระภิกษุเองก็ไม่ใช่ว่าทุกท่านจะบรรลุธรรมในสถานที่สงบสงัด บางท่านก็บรรลุในเมือง ในถนนขณะที่เดินบิณฑบาต บางท่านก็บรรลุธรรมขณะที่กำลังใกล้จะสิ้นชีวิต ฯลฯ ฉะนั้น จึงควรศึกษาข้อปฏิบัติให้ถูกต้อง และตรงตามความเป็นจริงเป็นปกติตามอัธยาศัยของแต่ละคน
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ