เวลาเราคิดถึงเรื่องอะไร หรือสถานที่ใด จิตของเราอยู่ที่ไหน
จิตเป็นสภาพธรรมที่รู้แจ้งอารมณ์ จิตเกิดขึ้นเพราะมีปัจจัย เมื่อเกิดขึ้น ตั้งอยู่ชั่วขณะแล้วดับไป ไม่มีที่อยู่ประจำ แต่วัตถุที่เกิดมี ๖ คือ จิตเห็นเกิดที่จักขุปสาท จิตได้ยินเกิดที่โสตปสาท จิตได้กลิ่นเกิดที่ฆานปสาท จิตลิ้มรสเกิดที่ชิวหาปสาท จิตรู้สัมผัสทางกายเกิดที่กายปสาท จิตที่เหลือเกิดที่หทยวัตถุ เพราะฉะนั้น เวลาคิดนึกจิตเกิดที่หทยวัตถุ แต่จิตไม่มีที่อยู่ประจำ เมื่อเกิดแล้วดับไป
จิตไม่มีที่อยู่ แต่จิตสั่งสมกรรมและกิเลส คือ จิตนั่นเองเป็นตัวสั่งสมกรรมที่ทำเป็นกุศล เป็นอกุศลและสั่งสมกิเลส มีราคะ โทสะ โมหะ เป็นต้น เช่น เราโกรธแล้วก็สั่งสมความโกรธนั้นให้มากขึ้นอีกธรรมทั้งหลาย มีใจเป็นหัวหน้า มีใจประเสริฐที่สุดสำเร็จแล้วแต่ใจ หากบุคคลใดมีใจประทุษร้ายแล้ว กล่าวอยู่ก็ตาม ทำอยู่ก็ตาม ทุกข์ย่อมไปตามบุคคลนั้นเพราะทุจริต ๓ อย่าง เหมือนล้อหมุนไปตามรอยเท้าโคผู้ลากเกวียนไปฉะนั้น
ลองจับที่แขนดูครับ รู้สึกอะไรไหม รู้สึกอ่อน แล้วรู้สึกตรงไหนหละ ตรงที่คุณจับ คือแขนใช่ไหม หรือที่สมอง เอาตรงนั้นเลย ตอนที่คุณจับแล้วรู้สึกก็ต้องที่แขนที่คุณรู้สึก ดังนั้นที่แขนก็มีรูปที่เรียกว่า กายปสาทรูป จิตกระทบสัมผัสก็เกิดที่นั่นแหละครับ จิตก็เกิดที่ตรงนั้นครับ นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งครับ เมตตาย่อมเสมอกันกับทุกคนเปรียบเหมือนน้ำ ที่ไม่เลือกว่าใครจะอาบย่อมให้ความเย็น สบายกับทุกคนที่ลงไป
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ