อยากสอบถามความหมายของบทสวดท่อนนี้ครับ
ขอขอบคุณมากครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การพูดคำที่ไม่รู้จัก ไม่ทำให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นเลย เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงสำคัญอยู่ที่การมีโอกาสได้ฟังพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูกเป็นปัญญาของตนเอง
แม้แต่การพิจารณากาย มี ๒ นัย กล่าวคือ โดยนัยของการอบรมเจริญความสงบของจิต คือ สมถภาวนา ที่พิจารณาถึงความไม่งามของกาย มี ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เป็นของปฏิกูลหรือไม่งาม เพื่อคลายจากความติดข้องยินดี พอใจ แต่ไม่ได้รู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็ยังมีการยึดว่าเป็นผมของเรา ขนของเรา เป็นต้น ไม่ได้ไถ่ถอนการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เลย แต่ในขณะนั้นก็มีสภาพธรรมฝ่ายดีมีสติ และปัญญา เป็นต้นที่เกิดขึ้น จึงทำให้สงบจากอกุศล นี้โดยนัยของสมถภาวนา การอบรมเจริญสมถภาวนาไม่สามารถถึงการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด แต่ถ้าเป็นการระลึกรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ อันเนื่องมาจาก ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เป็นต้น เพราะถ้าไม่มีสภาพธรรมที่มีจริง ก็จะไม่มีการเรียกว่าเป็นผม เป็นขน เป็นเล็บ เป็นต้น ซึ่งไม่พ้นไปจากความเป็นไปของธรรมที่เป็นรูปธรรม ไม่ใช่ธาตุรู้ไม่ใช่สภาพรู้ มี ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม เป็นต้น ในขณะที่ระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมอย่างนี้ เป็นการเจริญสติปัฏฐาน โดยนัยของการอบรมเจริญวิปัสสนา ซึ่งถ้าหากไม่มีความเข้าใจถูกเห็นถูกในเรื่องของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ย่อมไม่มีเหตุปัจจัยที่จะให้สติปัฏฐานเกิดได้เลย เพราะฉะนั้นแล้ว หนทางที่ควรดำเนินที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลสได้อย่างเด็ดขาด คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญาที่รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ซึ่งจะต้องมีรากฐานที่มั่นคง คือ ความเข้าใจถูกตั้งแต่ขั้นการฟัง ครับ
...ยินดีในความดีของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ