...ขณะที่ล่วงออกมาโดยกุศลจิตหรืออกุศลจิตทางกายหรือวาจา
ขณะใดที่เป็นกรรม ขณะที่เป็นกรรม คือขณะหลังจากที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส ถูกต้องสัมผัสแล้วเกิดกุศลจิตหรืออกุศลจิตที่มีกำลังทำให้ล่วง (แสดง) ออกมา เป็นการกระทำทางกายหรือทางวาจา และมีผู้ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากการกระทำอันนั้น ซึ่งก็คือเหตุการณ์ปกติในชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง การกระทำของทุกคนในวันหนึ่งๆ นั้นต่างกันไป ตามอุปนิสัยที่แต่ละคนได้สะสมมา ซึ่งเป็นความวิจิตรของจิตแต่ละคน เช่น เมื่อเห็นสิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือเห็นบุคคลใดบุคคลหนึ่ง บางคนนึกชอบอยู่ในใจ บางคนนึกไม่ชอบอยู่ในใจบางคนชอบมากถึงกับเอ่ยปากชม บางคนไม่ชอบถึงกับเอ่ยปากตำหนิต่างๆ กันไปตามการสะสมของจิต เมื่อได้ยินเสียงหนึ่งเสียงใดก็เช่นกัน คนหนึ่งฟังแล้วไม่พอใจ ขุ่นข้องหมองใจ อีกคนหนึ่งฟังแล้วรู้สึกเฉยๆ อีกคนหนึ่งฟังแล้วรู้สึกสงสาร เห็นใจ เป็นอย่างนี้ใช่หรือไม่ในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ถ้ายังไม่มีการแสดงออกทางกายหรือวาจา ยังเป็นเพียงความคิด ก็จะเป็นการสะสมเป็นอุปนิสัยสืบต่อไป ยังไม่เป็นกรรม แต่หากได้มีการกระทำออกมาทางกาย วาจา ที่ล่วงอกุศลกรรมบถ หรือเป็นทุจริตที่มีกำลัง ก็ย่อมจะให้ผลเป็นอกุศลวิบากทั้งสิ้น ทางฝ่ายกุศลกรรมก็โดยนัยเดียวกัน ดังนั้น เราจึงควรอบรมจิตให้เป็นจิตที่ดีเป็นกุศล อันจะเป็นเหตุให้ได้รับผลที่ดี คือ กุศลวิบากในอนาคต และควรลดละอกุศลจิตซึ่งเป็นจิตชั้นเลวอันจะเป็นเหตุให้เกิดผลที่เป็นทุกข์ไม่น่าพอใจ จิตที่ดีที่สุด คือจิตที่ประกอบด้วยปัญญาซึ่งรู้แจ้งในสภาพธรรมตามความเป็นจริง
ขอเชิญคลิกอ่านตอนต่อไป ...
กรรมคำตอบของชีวิต
อ่านหนังสือ กรรม...คำตอบของชีวิต คลิก --> ที่นี่
จิตต้องประกอบด้วยปัญญา..... จึงจะเห็นได้ถึงความแตกต่างของกุศลธรรมและอกุศลธรรม.
ขออนุโมทนา.
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ