ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
วิตกเป็นเจตสิกที่จรดในอารมณ์ เป็นสภาพที่ตรึกไปเหมือนเท้าของโลก ในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่วิตกเกิดกับโลภะ โทสะ โมหะ วิตกที่เกิดพร้อมกับปัญญาเป็นความคิดดีคิดถูก ซึ่งเริ่มจากวิตกขั้นปริยัติ ปฏิบัติจนถึงปฏิเวธ
ถ้าได้ยินว่าขณะนี้มีวิตกเจตสิกเกิดก็จะรู้ได้เลยว่าขณะนี้ที่คิดเพราะวิตกจรดในอารมณ์ แล้วก็จะรู้ด้วยว่าวิตกเกิดกับปัญญาหรือไม่ใช่ปัญญา เกิดกับโลภะหรือเกิดกับโทสะ
เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเข้าใจว่าเป็นอนัตตา ถ้าแม้แต่เจตสิกหนึ่งก็ขาดไม่ได้ เช่นวิตกเจตสิกหลังจากที่ทวิปัญจวิญญาณ จิตเห็น จิตได้ยิน จิตได้กลิ่น จิตลิ้มรส จิตรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสเพียง 10 กุศลวิบากหนึ่ง อกุศลวิบากหนึ่ง ทั้งห้าทางดับไป ใครจะยับยั้งไม่ให้วิตกเจตสิกเกิดไม่ได้!!!
เพราะฉะนั้นวิตกเจตสิกเป็นเท้าของโลก ขณะที่คิด วิตกคิดตามการสะสมที่ได้สะสมมา ถ้ามีปัญญาเกิดจากการฟังขณะนี้เข้าใจก็จะเริ่มรู้ตามความเป็นจริงว่า ขณะใดก็ตามที่กำลังสะสมความเห็นถูกความเข้าใจถูก ก็มีการตรึกนึกคิดถึงสิ่งที่ได้ฟังยิ่งขึ้น
เช่นขณะที่กำลังมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดปรากฏขณะนี้กำลังเห็น วิตกจรดพร้อมกับสัญญาที่จำที่เคยได้ยินหรือเปล่า? เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา นี่คือขณะนั้นเราจะรู้ว่า แม้แต่ความคิดอย่างนี้วิตกที่จะเกิดพร้อมสัญญาจากการที่ได้เคยฟังก็ประกอบด้วยความเข้าใจเพียงเล็กน้อยในขั้นต้น คือเพียงได้ยินว่าขณะนี้มีสิ่งที่มีจริงๆ กำลังปรากฏให้เห็น แต่ยังไม่รู้จริงๆ ว่าสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเป็นเพียงธรรมะหรือธาตุอย่างหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นใดเลยทั้งสิ้น ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่มีจริงที่สามารถจะปรากฎว่ามีจริงเฉพาะเมื่อกำลังปรากฏ
ค่อยๆ ไถ่ถอนการที่ว่าเป็นเรา แล้วก็เห็นตัวเรา หรือว่าเห็นคนนั้น เห็นคนนี้ เห็นสิ่งนั้นสิ่งนี้ โดยเพิ่มความที่จะละความติดข้องเพราะรู้ว่าเป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏให้เห็น ถ้าอย่างนี้ก็เป็นวิตกที่ถูก เป็นกุศลวิตก เป็นสัมมาสังกัปปะ
คำที่ได้ยินได้ฟังทุกคำถ้าสามารถที่จะประมวลไว้อย่างมั่นคงเป็นปัจจัยที่จะทำให้นึกได้บ่อยๆ แต่ถ้าเรามีเรื่องอื่นที่จะคิดไตร่ตรองมาก วิตกก็เป็นไปตามความจำเลยเรื่องอื่น
เพราะฉะนั้นเมื่อวานนี้วิตกทำหน้าที่อย่างที่กล่าวแล้วเกือบจะทุกขณะจิตแล้วจำได้ไหมเพื่อที่จะไม่เยื่อใยว่าแม้แต่วิตกที่ดับไปแล้วก็ไม่ใช่วิตกในขณะนี้
คือการคิดไตร่ตรองที่ในคลองของธรรมะที่ได้ฟัง เป็นไปได้มากกว้างขวางเพียงไม่ลืมสิ่งที่ได้ฟัง แต่ก็ห้ามไม่ได้เพราะธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตา คุ้นเคยกับสิ่งใดมากก็จำแล้วก็คิดถึงสิ่งนั้น แสดงว่าเราไม่ได้คุ้นเคยกับธรรมะมากพอที่จะระลึกได้บ่อยๆ จนกระทั่งสามารถที่จะปฏิบัติเข้าถึงสภาพที่กำลังปรากฏด้วยความเห็นถูกต้องตรงตามที่ได้ยินได้ฟัง
เพราะว่าได้ยินได้ฟังอย่างนี้แล้วก็มีความเข้าใจอย่างนี้ยังไม่มั่นคงพอ ... เพียงกำลังสะสมความมั่นคงที่จะทำให้วิตกไม่ไปที่อื่น แต่ว่าวิตกค่อยๆ มาจรดที่ลักษณะของธรรมะที่กำลังปรากฏ ก็เป็นวิตกที่เกิดจากการฟังปริยัติ มาถึงวิตกที่เป็นปฏิบัติจนถึงปฏิเวธ
" วิตกด้วยปัญญา "
เนื้อหาในการดำเนินรายการสนทนาธรรมกับคณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ ๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๐.๐๐-๑๑.๓๐ น.
สามารถรับฟังได้ทาง : youtu.be/TBvwqzRpJ_o?si=tv6a_hSNQgOPqp-X
ดำเนินรายการโดยอาจารย์ธีรพันธ์ ครองยุทธ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
วิตก คือสภาพที่ตรึกหรือจรดในอารมณ์ที่ผัสสะกระทบ เป็นปกิณณกเจตสิก เกิดกับจิตได้ทุกชาติเลยทั้งกุศล อกุศลและวิบาก โดยเฉพาะที่เป็นไปกับอกุศลในชีวิตประจำวัน แต่ขณะที่กำลังฟังธรรมะเป็นกุศล ค่อยๆ สะสมความเข้าใจว่าวิตกมีจริงๆ
ปัญญา คือสภาพที่เข้าใจอย่างถูกต้องในสิ่งที่มีจริงตรงตามความเป็นจริง ขณะที่ฟังธรรมะเกื้อกูลให้เข้าใจสิ่งที่ปรากฏเดี๋ยวนี้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ตามพระปัญญาตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
เชิญชมสนทนาธรรมออนไลน์
เรื่อง " วิตกด้วยปัญญา "
กับ คณะอาจารย์ มศพ.
วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2567
เวลา 10.00 - 11.30 น.
🟦Facebook : วิทยุออนไลน์บ้านธัมมะ
www.facebook.com/share/v/rERm9dJja9tVZqgc
🟦Facebook : ชมรมบ้านธัมมะ
www.facebook.com/share/v/eRY3PHGwRjgLf6hj
🟥YouTube : มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
www.youtube.com/live/76k5mxAGXxA?si=f3KdRsPbW1SLTu1i
ยินดีในกุศลจิตค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ