เป็นธรรมดาที่เราทุกคนยังกลัวตายกันทั้งนั้น ไม่ทราบว่ามีวิธีการใด ที่จะลดความกลัวนี้ลงได้บ้าง บางคนบอกว่า ควรเป็นผู้ไม่ประมาทหมั่นเจริญกุศล ละอกุศลทั้งทาง กายวาจา และใจ ก็จะไม่กลัวตายเพราะเชื่อมั่นในกุศลว่าจะนำไปสุคติภูมิแน่นอน ฟัง อย่างนี้แล้ว ก็เชื่อ และพยายามทำ แต่ก็ยังกลัวกันอยู่ดี เวลาความตายจะมาถึงก็กลัว กันทั้งนั้น ขณะที่ความตายยังไม่มาถึงก็พูดอย่างนี้ได้ แต่เวลาใกล้ตายจริงๆ อาจลืม คำพูดนี้หมด คิดแต่เพียงว่ายังไม่อยากจะตายเลย ไม่ทราบว่าต้องเป็นพระอริยบุคคล ขั้นใดจึงม่กล้วความตาย
เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
ว่าด้วยบุคคลที่กลัวและไม่กลัวตาย ๔ จำพวก [อภยสูตร]
เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
ปุถุชนผู้ไม่ได้สดับและอริยสาวกผู้ได้สดับ
อนุโมทนาครับ
ผู้ที่บรรลุเป็นพระอนาคามี และพระอรหันต์ไม่กลัวตาย และสัตว์ทีไม่กลัวตาย ม้าอาชาไนย ช้างอาชาไนย โคอุสภอาชาไนย ส่วนปุถุชนกลัวตายก็เป็นธรรมดา เพราะว่าเรายังมีกิเลสและอบรมปัญญายังไม่พอค่ะ
สาธุ ขอบพระคุณมากค่ะ สำหรับ ธรรมะดับทุกข์ บทนี้
ดิฉันอ่านแล้ว นึกภาพได้ว่า ถ้ามีหญิงสาวคนหนึ่งต้องออกจากบ้าน เพื่อเดินทางไปต่างเมือง เธอต้องบอกลา พ่อ แม่ พี่และน้องๆ อย่างอาลัย เหมือนกับการจากครั้งนี้ เราจะไม่ได้เจอกันอีก
แต่มีสาวอีกคนที่ อยู่เพียงลำพัง เมื่อถึงเวลาที่จะต้องละบ้านออกเดินทาง ก็แค่เก็บกระเป๋าและเปิดประตูออกไปเลย ไม่มีความอาลัยใดๆ แม้กระทั่งสิ่งของที่อยู่ภายในบ้าน. เดินออกจากบ้านด้วยใจที่อิสระ และปรีดา
แม้เดี๋ยวนี้เอง ก็เป็นการตายจากไปทุกๆ ขณะ มีใครกลัวบ้างมั้ยค่ะ?
สติและปัญญาจำปรารถนาในที่ทั้งปวง ถ้าอกุศลเกิดต้องกลัว แต่ถ้าเป็นกุศลไม่กลัว
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนากับทุกท่านครับ
โมทนาครับ
ตาม คห.ที่ 4 บอกว่า ม้าอาชาไนย ช้างอาชาไนย ไม่กลัวตาย มีใครรู้บ้างว่าทำไมม้ากับช้างนั้นถึงไม่กลัวตาย หรือเป็นเพราะม้ากับช้างนั้นรู้จักว่า ความตาย เป็นเรื่องธรรมชาติ
เชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
สัตว์ที่ไม่กลัวมีจำนวนน้อย