กิเลสย่อมเจริญกับผู้ที่คอยเพ่งโทษ [เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ]
โดย แล้วเจอกัน  4 พ.ค. 2551
หัวข้อหมายเลข 8555

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔-หน้าที่ 60

๑๑. เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ [๑๙๒]

ข้อความเบื้องต้น

พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเถระ

รูปหนึ่งชื่อ อุชฌานสัญญี ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "ปรวชฺชานุ-

ปสฺสิสฺส" เป็นต้น.

คุณวิเศษไม่เกิดแก่ผู้เพ่งโทษผู้อื่น

ได้ยินว่า พระเถระนั้นเที่ยวแส่หาแต่โทษของภิกษุทั้งหลายเท่านั้น

ว่า " ภิกษุนี้ ย่อมนุ่งอย่างนี้, ภิกษุนี้ ย่อมห่มอย่างนี้." พวกภิกษุ

กราบทูลแด่พระศาสดาว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเถระชื่อโน้น ย่อม

กระทำอย่างนี้."

พระศาสดาตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ตั้งอยู่ในข้อวัตรกล่าว

สอนอยู่อย่างนี้ ใครๆ ไม่ควรติเตียน, ส่วนภิกษุใด แสวงหาโทษของ

ชนเหล่าอื่น เพราะความมุ่งหมายในอันยกโทษ กล่าวอย่างนี้แล้วเที่ยวไป

อยู่, บรรดาคุณวิเศษมีฌานเป็นต้น คุณวิเศษแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เกิด

ขึ้นแก่ภิกษุนั้น. อาสวะทั้งหลายเท่านั้น ย่อมเจริญอย่างเดียว" ดังนี้แล้ว



ความคิดเห็น 1    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 4 พ.ค. 2551

จึงตรัสพระคาถานี้ว่า:-

"อาสวะทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น ผู้คอย

ดูโทษของบุคคลอื่น ผู้มีความมุ่งหมายในอันยกโทษ

เป็นนิตย์, บุคคลนั้น เป็นผู้ไกลจากความสิ้นไปแห่ง

อาสวะ."

แก้อรรถ

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุชฺฌานสญฺิโน ความว่า บรรดา

ธรรมทั้งหลายมีฌานเป็นต้น ธรรมแม้อย่างหนึ่ง ย่อมไม่เจริญแก่บุคคลผู้

ชื่อว่ามากไปด้วยการยกโทษ เพราะความเป็นผู้แส่หาโทษของชนเหล่าอื่น

ว่า "ควรนุ่งอย่างนั้น, ควรห่มอย่างนี้" เป็นต้น โดยที่แท้อาสวะทั้งหลาย

ย่อมเจริญ; เพราะเหตุนั้น บุคคลนั้น จึงชื่อว่าเป็นผู้อยู่ไกล คือแสนไกล

จากความสิ้นไปแห่งอาสวะ กล่าวคือพระอรหัต.

ในเวลาจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดา-

ปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล.

เรื่องพระอุชฌานสัญญีเถระ จบ.


ความคิดเห็น 2    โดย suwit02  วันที่ 4 พ.ค. 2551
สาธุ

ความคิดเห็น 3    โดย opanayigo  วันที่ 10 ต.ค. 2551

หลายครั้งที่เห็นอกุศลผู้อื่น ไม่เห็นอกุศลตนเอง

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย เมตตา  วันที่ 13 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 26 ส.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ