อยากทราบว่า ภุมมเทวดามีกำเนิดอย่างไรครับ ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขอร่วมสนทนาด้วยครับ
ในเรื่องของกำเนิดภพภูมิเป็นเรื่องละเอียด ยากแก่การเข้าใจ ด้วยพระปัญญาของ พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่จะทรงรู้กำเนิดของสัตว์ต่างๆ มากมายในจำนวนสัตว์โลกที่เป็น อนันต์คือนับไม่ได้
จากข้อความที่คุณยกมาเป็นเรื่องของประเภทของการเกิดของสัตว์โลกครับ ซึ่งพระ พุทธองค์ทรงแสดงว่าสัตว์โลกทั้งหมดเมื่อเกิดย่อมกำเนิดด้วย 4 ประเภท คือ
1.เกิดในครรภ์
2.เกิดในไข่
3.เกิดในเหงื่อไคลหรือเกิดในสิ่งสกปรก
4.เกิดโดยโตเป็นตัวทันทีฉับพลัน (โอปปาติกะ)
ประเภทที่ 1 คือเกิดในครรภ์คงไม่เป็นที่สงสัยเช่น มนุษย์ เป็นต้น ประเภทที่สองเกิด ในไข่ เช่น ไก่ เป็นต้น ประเภทที่ 3 คือเกิดในสิ่งสกปรก เช่นเกิดในของบูดเน่าหรือใน น้ำสกปรก ก็เกิดเป็นแมลงที่เป็นตัวอ่อน เป็นต้น ส่วนประเภทที่ 4 คือเกิดเป็นตัวที่โต ทันที เช่น เทวดาส่วนใหญ่ที่เมื่อเกิดเป็นเทวดาแล้วก็โตทันทีเหมือนบุคคลอายุ 16 ปี สำหรับประเด็นที่คุณยกมาถามในเรื่องของภุมมเทวดาว่ามีกำเนิดอย่างไร คือเกิดในประเภทใดใน 4 ประเภท จากข้อความในพระอภิธรรมที่คุณยกมาที่ว่า กำเนิด ๓ ข้างต้น ย่อมไม่มีในนรกและไม่มีในพวกเทพทั้งหลายเว้นภุมมเทวดา.
ความหมายเป็นดังนี้ กำเนิด 3 ข้างต้นหมายถึง เกิดในไข่ เกิดในสิ่งสกปรก เกิดใน ครรภ์ย่อมไม่มีในนรก คือสัตว์นรกย่อมไม่เกิดในไข่ ไม่เกิดในสิ่งสกปรก ไม่เกิดใน ครรภ์ แต่หากเมื่อตายจากภพภูมิใดแล้วไปเกิดในนรก จะต้องโตทันที เป็นกำเนิดที่ เป็นโอปปาติกะกำเนิด จะไม่เกิดในไข่ ในสิ่งสกปรกและในครรภ์ครับ เช่น พระเทวทัต เมื่อตายไปก็ไปเกิดในนรก โดยมีร่างกายสูงใหญ่ทันที เป็นโอปปาติกะกำเนิดครับ ข้อความต่อมาที่ว่า กำเนิด 3 ข้างต้นย่อมไม่มีในพวกเทพทั้งหลาย หมายถึงเทวดา ชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไปก็จะไม่เกิดในครรภ์ ไม่เกิดในไข่ ไม่เกิดในสิ่งสกปรกแต่เกิด โดยโตทันทีเป็นโอปปาติกะกำเนิดครับ
ข้อความต่อมาที่กล่าวว่า เว้นภุมมเทวดา ความหมายคือ ภุมมเทวดาหรือเทวดาที่อยู่ ภาคพื้น เช่น อยู่ที่ต้นไม้ เป็นต้น สามารถเกิดได้ทั้ง 4 กำเนิดคือเกิดได้ทั้งในไข่ ในสิ่ง สกปรก ในครรภ์และเกิดโดยโตทันที่ (โอปปาติกะ) ซึ่งขอยกข้อความในพระไตรปิฎกที่ แสดงในเรื่องนี้ดังนี้
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค เล่ม ๓ ภาค ๒ - หน้าที่ 354
เหล่าสัตว์ที่ชื่อว่า อัณฑชะเพราะอรรถว่า เกิดในไข่. ชื่อว่า ชลาพุชะ เพราะอรรถ ว่า เกิดในครรภ์.ชื่อว่า สังเสทชะ เพราะอรรถว่า เกิดในเหงื่อไคล. คำนี้เป็นชื่อของ สัตว์ที่เกิดในที่นอนและในที่โสโครก มีปลาเน่า เป็นต้น. ที่ชื่อว่า โอปปาติกะ เพราะ อรรถว่า เป็นเหมือนมาเกิดขึ้นโดยฉับพลัน. ในข้อนั้น นี้เป็นความแตกต่างกัน ระหว่าง สัตว์เกิดในเหงื่อไคล กับสัตว์ที่เกิดผุดขึ้นในจำพวกเทวดาและมนุษย์. สัตว์ จำพวกสังเสทชะ เกิดเป็นตัวอ่อนเล็กๆ . สัตว์จำพวกโอปปาติกะ เกิดเป็นตัวเท่ากับ คนอายุ ๑๖ ปี. จริงอยู่ ในหมู่มนุษย์และภุมมเทวดา ย่อมหากำเนิดสี่เหล่านี้ได้ครบ. ในจำพวก ครุฑและนาคเป็นต้น ซึ่งเป็นสัตว์ดิรัจ ฉาน ก็เหมือนกัน.
กำเนิดต่างๆ จึงเป็นเรื่องของปัญญาของพระพุทธเจ้า ซึ่งกำเนิดต่างๆ เป็นเรื่องของ ความวิจิตรอย่างยิ่ง คิดเองไม่ได้จึงต้องเป็นไปตามที่พระธรรมของพระพุทธองค์ทรง แสดงครับ
ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
คำตอบของท่านวิทยากร แม้จะสั้น แม้จะยาวก็กอปรด้วยกุศลจิต ผมอ่านแล้วจึงนิ่งอยู่ เพราะเป็นเช่นนั้น เป็นเช่นนั้น ย่อมเป็นเช่นนั้น ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นด้วยเศียรเกล้า
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณในธรรมทานค่ะ
ยินดีในกุศลจิตครับ