พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรีคาถา เล่ม ๒ ภาค ๔ - หน้าที่ 178 - 180สัตตุกโจรกล่าวกะข้าพเจ้าว่าแม่งาม จงตายเสียเถิด เจ้าอย่าพิไรรำพันนักเลย ข้าไม่รู้เลยว่า ไม่ต้องฆ่านางผู้มาถึงป่า
แล้ว ข้าพเจ้ากล่าวกะสัตตุกโจรว่า เมื่อใดข้าพเจ้านึกถึงตัวเอง เนื้อใดข้าพเจ้าเติบโตรู้
เดียงสาแล้ว เมื่อนั้นข้าพเจ้าไม่รู้เลยว่า คนอื่นจะเป็นที่รักยิ่งกว่าตัวท่าน มาสิข้าพเจ้า
จักกอดท่านทำประทักษิณเวียนขวาท่าน ไหว้ท่าน ข้าพเจ้ากับท่านจะไม่ได้พบกันอีก
แล้ว.
เทวดาที่สิงสถิต ณ ภูเขากล่าวสดุดีข้าพเจ้าว่า
มิใช่แต่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในที่ทุกสถาน แม้สตรีมีปัญญาเห็นประจักษ์ ก็เป็นบัณฑิต
ได้ในที่นั้นๆ . มิใช่บุรุษจะเป็นบัณฑิตได้ในที่ทุกสถาน แม้สตรีที่คิดความได้รวดเร็ว ก็
เป็นบัณฑิตได้. ครั้งนั้น ข้าพเจ้าฆ่าสัตตุกโจร เหมือนอย่างขนเนื้อทราย ฆ่าเนื้อทราย
ฉะนั้น. ก็ผู้ใดรู้แก้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าได้ฉับพลัน ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นจากการ
บีบคั้นของศัตรูเหมือนข้าพเจ้าหลุดพ้นจากสัตตุกโจร ในครั้งนั้นฉะนั้น.ครั้งนั้น ข้าพเจ้า
ผลักสัตตุกโจรตกลงไปที่ซอกเขา แล้วเข้าไปยังสำนัก ของนักบวช ผู้ครองผ้าขาว
บรรพชา.
พระผู้นำพระองค์นั้น ทรงแสดงธรรมแก่ข้าพเจ้าว่า ขันธ์อายตนะและธาตุทั้งหลาย ไม่
งามเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา. ข้าพเจ้าฟังธรรมของพระองค์แล้ว ก็ทำธรรมจักษุดวง
ตาเห็นธรรมให้บริสุทธิ์ แต่นั้นก็รู้แจ้งพระสัทธรรม ได้บรรพชาอุปสมบท. พระผู้ทรงเป็น
ผู้นำอันข้าพเจ้าทูลวอนแล้วก็ตรัสว่า ภัททา จงมา ข้าพเจ้าอุปสมบทแล้วในครั้งนั้น ได้
เห็นน้ำเล็กน้อย. ด้วยการล้างเท้า ก็รู้พร้อมทั้งความเกิดขึ้นและความเสื่อมคิดอย่างนี้ว่า
สังขารแม้ทั้งหมดก็เป็นอย่างนั้น. แต่นั้น จิตของข้าพเจ้าก็หลุดพ้น ไม่ยึดมั่นโดย
ประการทั้งปวง ครั้งนั้น พระชินพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งข้าพเจ้าไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ
เป็นเลิศของภิกษุณีผู้เป็นขิปปาภิญญา ตรัสรู้เร็วพลัน.