ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ความเชื่อ มีได้ ก็เพราะ มีจิต เจตสิกที่เกิดขึ้น ก็เพราะมีคิดนึก นั่นคือ การทำหน้าที่ของจิต เจตสิกทีเ่กิดขึ้นปรุงแต่ง ตามการสะสม ทำให้มีความเชื่อ ซึ่งก็ไม่พ้นจากความคิดนึกเลยครับ
ดังนั้น ความเชื่อ ก็คือการคิดนึก ที่เป็นจิต เจตสิก ดังนั้นการคิดนึก ที่เป็นความเชื่อ ก็มีทั้งที่เป็น จิตที่เป็นกุศล หรือ อกุศล ความเชื่อ หรือแนวคิดก็มีทั้งที่เป็นกุศล และ อกุศลซึ่งแนวคิดที่เป็นกุศล คือ แนวคิดความเชื่อที่เป็นความเห็นถูก ที่ถูกต้อง กับ แนวคิดความเชื่อที่เป็นความเห็นผิด คือ ไม่ถูกต้อง ดังนั้น จึงมีความเชื่อใหญ่ อยู่ ๒ ประการเท่านั้น ไม่ว่าจะมีความเชื่อในโลกนี้เท่าไหร่ก้ตาม ก็ไม่พ้นจากความเชื่อ หรือ แนวคิด คำสอน อยู่ ๒ ประการคือ
ความเชื่อ ที่เป็นความเห็นถูก และ ความเชื่อที่เป็นความเห็นผิด แต่ เราก็ต้องตีความให้ถูก กับ ความเชื่อที่เป็นความเห็นถูก และ ความเชื่อที่เป็นความเห็นผิด ความเชื่อที่เป็นความเห็นผิด ก็เป็นเพียงความคิดที่ไม่ตรง และ ไม่ใช่ เชื่อด้วยศรัทธา ที่เป็น เจตสิกฝ่ายดี แต่เชื่อด้วย โลภมูลจิตที่ประกอบด้วยความเห็นผิดนั่นเอง ครับ
ส่วน ความเชื่อที่เป็นความเห็นถูก เชื่อเพราะปัญญาเกิดนะครับ คือ เป็นมหากุศลจิตที่ประกอบด้วยปัญญา คือ เมื่อปัญญาเกิดรู้ความจริง ก็เชื่อด้วยศรัทธา ด้วยกุศลจิต เพราะมีปัญญาความเห็นถูกเกิดร่วมด้วยครับ ดังนั้น ความเชื่อ แม้จะเป็นคำกลางๆ แต่ ความเชื่อที่เกิดขึ้นนั้น ก็เกิดได้ด้วย จิต เจตสิกและแตกต่างกัน ตามปัญญาที่เกิด หรือ ความเห็นผิดที่เกิดทำให้ มีความเชื่อที่เป็นความเห็นถูกและความเชื่อที่เป็นความเห็นผิดครับ
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เมื่อกล่าวถึงคำใด ก็ต้องเข้าใจให้ตรงว่า มุ่งหมายถึงอะไร เป็นกุศล หรือ เป็นอกุศล เพราะคำว่าเชื่อ มีทั้งเชื่อที่เป็นความเห็นผิด กับ เชื่อที่เป็นความเห็นถูก ถ้าผิดแล้ว จะเป็นกุศลไม่ได้ ต้องเป็นอกุศลเท่านั้น แต่ถ้าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เชื่อด้วยความเห็นที่ถูกต้อง เป็นกุศล เป็นสภาพธรรมฝ่ายดี ตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรม เพราะศรัทธา ในทางพระพุทธศาสนา ต้องเป็นธรรมฝ่ายดี ที่จะต้องเกิดร่วมกับจิตที่ดีงามเท่านั้น จะไม่เกิดกับอกุศลจิตเลย เมื่อกล่าวถึงศรัทธาแล้ว เป็นความผ่องใสแห่งจิต และ เป็นสภาพธรรมที่มีความเลื่อมใสเป็นลักษณะ เมื่อมีความเลื่อมใส ก็จะต้องมีที่ตั้งให้เกิดความเลื่อมใส สิ่งนั้นต้องเป็นสิ่งที่ดีงาม เช่น เลื่อมใสในพระพุทธเจ้า เลื่อมใสในพระธรรม เลื่อมใสในพระอริยสงฆ์ แต่ถ้าเชื่อหรือเลื่อมใสในสิ่งที่ไม่ดี เลื่อมใสในสิ่งที่ผิด เช่น เลื่อมใสในบุคคลที่เห็นผิดมีความประพฤติปฏิบัติผิด มีความเชื่อด้วยความเห็นที่ผิด เป็นต้น อย่างนี้ไม่ใช่ลักษณะของศรัทธา เนื่องจากว่าการเลื่อมใสหรือการเชื่อในสิ่งที่ผิด เป็นอกุศล ไม่ใช่กุศล ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ