เวลาเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ในชีวิต ควรทำเช่นไร
ระลึกถึงความที่สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน ไม่ว่าจะประสบกับอิฏฐารมณ์หรืออนิฏฐารมณ์ ก็เป็นผลของกรรมที่เราได้กระทำมาแล้วทั้งสิ้น จึงควรเป็นลูกหนี้ที่ซื่อสัตย์พร้อมทั้งเจริญกุศลทุกประการเท่าที่มีโอกาสจะกระทำได้
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
ตามแบบชีวิตที่เป็นปรกติคือ มีสติปัญญา คิดหาเหตุผลและวิธีการแก้ไขปัญหา เพราะทุกๆ ปัญหาย่อมมีทางออก ถ้าเราคิดพิจารณาให้ดี แต่เมื่อได้เรียนรู้ธรรมมากขึ้น จึงรู้เรื่องกรรมของแต่ละบุคคลว่า ทุกคนมีกรรมเป็นของตนของตน แล้วแต่กรรมจะให้ผลตอนไหนเท่านั้น ถ้าทำใจได้ ก็ควรรับใช้กรรมไปก่อน อย่าโทษใคร แต่ก็ไม่ลืมที่จะเจริญกุศลเพิ่มขึ้นเมื่อมีโอกาสค่ะ
เมื่อพบเจอเหตุการณ์ร้ายๆ ในชีวิต คงทำอะไรไม่ได้ เพราะธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ความคิด การกระทำ และคำพูด เมื่อพบกับเหตุกาณ์นั้นจริงๆ คงเป็นไปตามอุปปนิสสยปัจจัย และการสะสม ที่แต่ละคนมีมาต่างๆ กัน เราไม่อาจประมาทกำลังของอกุศลของเราได้เลยว่า เมื่อพบกับเหตุร้ายจริงๆ แล้ว อกุศลที่สะสมมาจะทำให้เราวิปลาศไปได้เพียงใด แม้แต่พระอริยบุคคลในอดีต เช่น นางวิสาขาอุบาสิกา เมื่อหลานสาว อันเป็นที่รักเสียชีวิต ยังโศกเศร้าจนมีผ้าเปียก มีผมเปียก เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ดังนั้น สิ่งที่จะพอเป็นที่พึ่งได้ ยามเมื่อประสบกับสิ่งร้ายแรงในชีวิต คือการสะสมความเข้าใจถูก ความเห็นถูก เสียแต่ในเวลานี้ รวมทั้งการเจริญกุศลทุกประการ นอกจากนี้ การได้คบกับสัตบุรุษ การมีกัลยาณมิตร ก็เป็นอุดมมงคลอย่างยิ่ง และทรงแสดงว่า กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ถูกต้องครับ ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา และทุกอย่างก็เป็นธรรม จึงไม่มีเราที่จะไปเป็นตัวตนบังคับว่า จะทำอย่างไรดี เป็นไปตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น ทุกคนก็ไม่อยากโกรธ อาจจะตั้งใจว่า จะไม่โกรธ ถึงเวลาเป็นไปตามที่คิดหรือเปล่า ซึ่งก็เป็นอนัตตาจริงๆ เพราะทุกอย่างเป็นธรรม ต่อไปจะเห็นอะไรก็ไม่ทราบ และเมื่อเห็นแล้วจะเป็นอย่างไรก็ไม่ทราบ เป็นหน้าที่ของธรรม ถ้ามีปัญญามาก ก็ไม่หวั่นไหว หรือหวั่นไหวน้อย ตามระดับปัญญา พระนางวิสาขาก็โศกเศร้า แต่ท่านก็ไม่ได้ยึดถือว่าเป็นเรา เป็นสัตว์บุคคล ไม่มีใครจัดการว่าจะควร หรือจะทำอย่างไร เป็นหน้าที่ของธรรมทั้งสิ้น ปัญญาก็เป็นธรรม กิเลสก็เป็นธรรม เมื่อมีกิเลสมาก เมื่อพบสิ่งใดไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีก็ย่อมหวั่นไหว แต่ไม่ควรลืมว่าเป็นธรรม เมื่อรู้ว่าเป็นหน้าที่ของธรรม ก็ศึกษาธรรมด้วยความเบารู้ว่าทุกอย่างเกิดตามเหตุปัจจัย ก็สะสมเหตุปัจจัย คือความเข้าใจธรรมที่ถูกต้อง โดยการฟัง เป็นต้น และก็เป็นหน้าที่ของธรรมแล้วที่จะทำหน้าที่ จึงไม่มีตัวตนที่จะทำหรือควรทำอย่างไร เมื่อเจอเหตุการณ์ เพราะเป็นธรรมและอนัตตา ขออนุโมทนา ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ให้คิดว่า เรากำลังใช้วิบากกรรมเก่า และเป็นการเตือนให้เราทำความดี เจริญกุศลทุกอย่าง ทุกทางที่สามารถจะทำได้ โดยเฉพาะการศึกษาธรรม เพราะถ้าเรามีปัญญา ปัญหาต่างๆ ก็แก้ไขได้ แต่แก้กรรมไม่ได้ แต่ทำเหตุใหม่คือ เจริญกุศลค่ะ
ความสุขมีหลายขั้นตามความละเอียดของอารมณ์
สุขอิงอามิส สุขไม่อิงอามิส
แต่นิพพานเท่านั้นเป็นบรมสุข
ลองอ่านหนังเล่มนี้ "มีชีวิตอยู่ด้วยปัญญา" โดยคุณสาวิตตรี ศาสตรพงศ์ ของทางมูลนิธิฯ จากลิงค์ข้างล่างนี้ มีประโยชน์มากๆ ค่ะ
//www.rtafa.ac.th/dhamma/lifewithBrain.pdf
กุศลอันเกิดจากการเจริญสติไม่ทำ คือ ไม่ทำด้วยความเป็นอัตตา เป็นตัวตน เพราะขณะที่สติปัฎฐานเกิด ต้องประกอบไปด้วยปัญญา ที่เข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฎ ในขณะนี้ ตามความเป็นจริงว่า ทุกอย่างก็เป็นเพียง "ธรรม" ไม่ใช่เราที่ทำกุศล หรือไม่ใช่เราที่ทำอกุศล ฉะนั้น เหตุการณ์ร้ายๆ ในชีวิต ก็ไม่ใช่อะไรนอกไปเสียจาก "อกุศลวิบาก" ที่เป็นผลของกรรมทางปัญจทวาร คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ทำให้ได้รับอารมณ์ที่ไม่น่าพอใจ ไม่ดี "อกุศลวิตก" ที่เกิดกับจิตคิด ทางมโนทวาร คือ หลังจากที่ได้รับผลของอกุศล ทางปัญจทวาร ก็คิด ตรึกไปในอารมณ์ที่ไม่ดีนั้น เท่านั้นจริงๆ ที่เรายังเดือดเนื้อร้อนใจทุกวัน เพราะเหตุว่า ยังละ ความเป็นเรา ไม่ได้นี่ละครับ
อนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ