การที่จะไปถามใครๆ ว่า อันนี้เป็นไหม อันนั้นเป็นไหม นี่เป็นกุศลไหม หรือนั่นเป็นอกุศลไหม คนอื่นไม่สามารถตอบได้ เพราะว่าเขาไม่รู้สภาพจิตของบุคคลอื่น แต่ทุกคนสามารถรู้สภาพจิตของตนเองได้ทุกๆ ขณะ
สักกายทิฏฐิ คือ ในขณะนั้นมีความเห็นเกิดขึ้นยึดถือว่าเป็นเรา ในขณะที่กำลังฟังพระธรรม และมีความเข้าใจว่า ขณะที่กำลังเห็นเป็นธาตุรู้ ไม่ใช่ตัวตน มีความเข้าใจอย่างนี้หรือเปล่า การที่จะกล่าวว่าขณะใดเป็นสักกายทิฏฐิ หรือขณะใดไม่เป็นสักกายทิฏฐิ ขอให้เป็นความเข้าใจของท่านผู้ฟังเอง
จะต้องมีหลัก คือ มีความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ขณะใดเป็นสักกายทิฏฐิ และขณะใดไม่ใช่สักกายทิฏฐิ เพราะว่าจิตเกิดดับสืบต่อกันเร็วมาก ถ้าไม่ศึกษาเรื่องของจิตโดยละเอียดก็จะปะปนกัน ไม่สามารถแยกได้ว่า จิตขณะไหนเป็นกุศล และ จิตขณะไหนเป็นอกุศล
ขอเชิญรับฟัง
สักกายทิฏฐิกับมิจฉาทิฏฐิ
การศึกษาเรื่องของจิตโดยละเอียด จนกว่าจะค่อยๆ เข้าใจเรื่องของจิต
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ