ต้องขอกราบขอบพระคุณบ้านธรรมะและทุกๆ ท่านมาตอบ และให้ความรู้ประกอบการศึกษาอบรมให้เข้าใจมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จากการที่ไม่รู้อะไรเลย มารู้เพิ่มขึ้นจากที่แห่งนี้ทีละเล็กละน้อย โดยผมเองก็ยังไม่เคยเปิดพระไตรปิฎกเลยสักหน้าเลยครับ สงสัยอะไรก็เข้ามาค้นหาอ่านและสอบถาม และยังได้ฟังอีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่หาที่ไหนไม่ได้ในโลก คือเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมละครับ แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นธรรม เป็นอนัตตา บังคับบัญชาอะไรไม่ได้ เป็นไปตามเหตุ ตามผล จึงได้ศึกษาอบรมพิจารณาอย่างมีความสุข ไม่รีบไม่เร่งอะไร ศึกษาอย่างปรกติ
แต่มีข้อสงสัยอยู่หลายๆ เรื่องจากการฟังและอ่านดังนี้ครับ
1. ผู้ที่ได้ขั้นโสดาปฏิมรรค โสดาปฏิผล (โดยนัยลำดับขั้นของจิต) ได้ฟังอ่านมาว่า ขั้นนี้ไม่มีอกุศล แต่ยังมีโกรธ (โทสเจตสิก) มีมานะเจตสิกซึ่งเป็นอกุศล อยากทราบว่า
โสดาบันเหลืออกุศลอะไรบ้าง
สกทาคามีเหลืออกุศลอะไรบ้าง
อนาคามีเหลืออกุศลอะไรบ้าง
อรหันต์จะไม่มีกุศลและอกุศล
2. เรื่องภูมิ (คือ ที่อยู่ที่เกิด) ของจิต 31 ภูมิ คือ อบายภูมิ 4 กามาวจรภูมิ 7 รูปาวจรภูมิ 16 อรูปาวจรภูมิ 4 ผู้ที่จะเปลี่ยนภูมิได้นั้นจะต้องจุติจิตก่อนเสมอ ถามว่าเมื่อมา สัมพันธ์กับชาติ 4 คือ ชาติกุศล ชาติอกุศล ชาติวิบาก ชาติกิริยา ผู้ที่อยู่ที่กามาวจรภูมิมีชาติได้ครบ 4 ชาติ ผู้ที่อยู่ในรูปปาวจรภูมิและ อรูปาวจรภูมิมีชาติได้ 3 ชาติ คือกุศลชาติ อกุศลชาติ และกิริยาชาติ คือไม่มีชาติอกุศลแล้วแต่ฟังและอ่าน จะพบว่าในขณะที่อยู่ในรูปวจรภูมิหรืออรูปปาวจรภูมิจึงมีอกุศลได้
3. มนุษย์มีครบทั้ง 4 ชาติแต่สามารถพัฒนาไปจนระดับขั้นของจิตไปถึงโลกุตตรจิตได้ใช่ไหมครับ ระดับแรก (1) กามาวจรจิตมีจิต 54 ประเภท (2) รูปาวจรจิต 15 (3) อรูปาวจรจิต 12 (4) โลกุตตรจิต 8 หรือ 40
4. ผู้ที่สูงกว่ามนุษย์ทั้งหมด 26 ภูมิสามารถที่จะบรรลุอรหันต์นิพพานได้หรือไม่เพราะอะไรครับ เช่น ผู้ที่ได้อรูปพรหมและจุติไปเป็นอรูปพรหมท่านเหล่านั้นสามารถบรรลุอรหันต์ได้หรือไม่ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
-พระอริยบุคคล เป็นผู้ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงความเป็นพระอรหันต์ เมื่อถึงความเป็นพระอรหันต์แล้วไม่มีอกุศลจิต ไม่มีกิเลสใดๆ เกิดขึ้นเป็นไปอีกเลย
พระโสดาบัน เป็นพระอริยบุคลขั้นต้น ดับความเห็นผิดได้หมด ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความริษยา ดับความตระหนึ่ อกุศลที่ท่านยังดับไม่ได้ก็สามารถเกิดขึ้นได้เป็นไปตามเหตุปัจจัย ยังมีโลภมูลจิตประเภทที่ไม่มีความเห็นผิดเกิดร่วมด้วย มีโทสมูลจิต และยังมีโมหมูลจิตที่ไม่มีวิจิกิจฉาเกิดร่วมด้วย
พระสกทาคามี เป็นผู้มีโลภะ โทสะ เบาบางกว่าผู้ที่เป็นพระโสดาบัน
พระอนาคามี ดับความโกรธ ดับความติดข้องในกามได้หมดสิ้น แต่ก็ยังเหลือความติดข้องในภพ ยังมีมานะ และความไม่รู้ ตลอดจนถึงกิเลสที่อยู่ในฐานะเดียวกันทั้งหมด
พระอรหันต์ ดับกิเลสที่เหลือจากที่พระอริยบุคคล ๓ ข้างต้นยังดับไม่ได้ ได้ทั้งหมดเป็นผู้ปราศจากกิเลสโดยประการทั้งปวง
-การที่จะไปเกิดในภพหนึ่งภพใด ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย เมื่อจุติจิตเกิดแล้วดับไป เป็นปัจจัยให้จิตขณะต่อไปเกิดสืบต่อทันที คือ ปฏิสนธิจิตเกิดในภพใหม่ เกี่ยวเนื่องกับชาติของจิตอย่างไร? ขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิด เป็นผลของกรรม เป็นจิตชาติวิบาก ซึ่งต้องเนื่องมาจากเหตุคือ กุศลกรรม หรือ อกุศลกรรมในอดีต นั่นเอง และเมื่อเกิดแล้ว ก็มีสภาพธรรมเกิดดับสืบต่อไปอีก
-ถ้ากล่าวถึงระดับขั้นของจิตแล้ว รูปาวจรจิต กับ อรูปาวจรจิต ก็ต้องเป็นกุศลวิบาก และ กิริยา เท่านั้น แต่สำหรับผู้ที่เกิดในรูปพรหมภูมิ หรืออรูปพรหมภูมิที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็มีอกุศลเกิดขึ้นเป็นไปได้
-ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ สามารถเป็นไปได้ทุกอย่างจริงๆ สามารถอบรมเจริญกุศลประการต่างๆ เป็นเหตุให้เกิดในภพภูมิที่ดีที่เป็นสุคติภูมิ หรือถ้าอบรมเจริญความสงบของจิต ก็ทำให้เกิดเป็นพรหมบุคคล ตามควรแก่ระดับขั้นของฌานที่ท่านได้ และได้อบรมเจริญปัญญา ที่รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงก็สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นจนถึงสูงสุดคือ ถึงความเป็นพระอรหันต์ แต่ถ้าเป็นผู้ประมาทมัวเมา กระทำแต่อกุศลกรรม ก็อาจจะเป็นเหตุให้ตกไปสู่อบายภูมิ ก็ได้ จากสุคติภูมิ แต่ก็ไปเกิดในอบายภูมิได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องของการสะสมของแต่ละบุคคลอย่างแท้จริง
-การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ต้องเป็นผู้ที่มีปฏิสนธิจิตเกิดพร้อมด้วยปัญญา และการรู้แจ้งอริยสัจจธรรมขั้นต้น คือ พระโสดาบัน ต้องเกิดในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ครบและถ้าได้เป็นพระโสดาบันแล้ว แม้เกิดในภพภูมิที่ไม่มีรูป ก็สามารถอบรมเจริญปัญญา รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเบื้องสูงขึ้นไปได้ แต่ถ้าเกิดเป็นรูปพรหมภูมิที่มีแต่รูปอย่างเดียว คือ อสัญญสัตตาพรหม ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ และถ้าเกิดในอรูปพรหมภูมิ โดยที่ไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมเป็นพระโสดาบันในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ครบ ก่อน ก็ไม่สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ได้เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ละเอียดลึกซึ้งมาก ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ