โดย mamapapa
เพราะฉะนั้นก่อนอื่นได้ยินคำว่า ทุกอย่างเป็นธรรม ก็จะเป็นเรื่องที่จะเตือนแล้วว่า เป็นธรรมจริงๆ หรือเพียงแค่ฟัง อย่างเวลานี้มีสิ่งที่ปรากฎ บางคนก็บอกว่าแล้วจะตัดสังโยชน์ ตัดความสงสัย ตัดความเห็นผิดที่ยึดถือสิ่งที่ปรากฎ แล้วก็ไปเรียกว่า สังโยชน์ ไม่ผิดค่ะ แต่ไม่ใช่เพียงชื่อแต่ให้รู้ตามความเป็นจริงว่า " เห็นอะไร?" แค่นี้รู้ไหม ถูกหรือผิด ถ้าถูก"เห็นจริง" และรู้ว่าสิ่งที่ปรากฎก็จริงด้วย ไม่ใช่ไม่จริง แต่ทั้ง ๒ อย่าง ไม่ใช่อย่างเดียวกันเป็นสภาพธรรม ซึ่งเกิดและดับไปสืบต่อกันทันทีอย่างเร็วมากจนกระทั่งไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรมซึ่งเกิดและดับ นี่เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาแล้วรู้ว่า การฟังธรรมให้มีความเข้าใจในขณะที่สภาพธรรมนั้นกำลังปรากฏจริงๆ เช่น เรื่อง "สิ่งที่ปรากฎทางตา" นี้ก็พูดบ่อยๆ เพราะว่าตลอดชีวิตที่จะไม่เห็นสำหรับผู้ที่มีจักษุปสาท เป็นไปไม่ได้ เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ เกิดมาก็ไม่รู้ อยู่ไปทุกวันก็ไม่รู้ ตายไปก็ไม่รู้ กับการที่เกิดมาแล้วมีโอกาสได้ฟังธรรม แม้ว่าจะมีสิ่งที่ปรากฎให้ได้ยินได้ฟัง แต่ก็รู้ว่ากว่าปัญญาจะรู้ความจริงของสิ่งนั้นก็ต้องมีความอดทนด้วยที่จะค่อยๆ เข้าใจ จากการที่ไม่เคยเข้าใจเลย แต่การฟังครั้งแรกจะเกื้อกูลให้การฟังครั้งต่อๆ ไป มีการระลึกแล้วเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งจะข้ามไม่ได้เลย"สัจจญาณ" ไม่ใช่รู้อย่างอื่น แต่รู้ความจริงว่าสิ่งที่มีจริงๆ คือ " ขณะนี้เดี๋ยวนี้ " ซึ่งจะต้องมีความมั่นคงที่รู้ว่าสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญา จนกระทั่งประจักษ์ความจริงของสิ่งนี้ได้ ไม่ใช่พอสิ่งนี้เกิดและดับก็หมดแล้วเรารู้แล้ว ไม่ใช่อย่างนั้นเลย แต่ว่าที่จะเป็น " สัจจญาณ " คือ เมื่อใดที่สติสัมปชัญญะกำลังรู้ลักษณะด้วยความเข้าใจ นั่นก็คือ ผลของการฟังซึ่งเป็น " สัจจญาณ "
จาก .. การสนทนาพระสูตร ๒๘ ก.ค.๕๐ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล
ปฐมตถาคตสูตร ทรงแสดงพระธรรมจักร
จาก .. พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 420
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ
ปรมัตถธรรมคือธรรมะที่มีจริงๆ มี ๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน แต่เราเป็น ปุถุชนมีปรมัตถธรรม ๓ คือ จิต เจตสิก รูป ยกเว้นนิพพานค่ะ เพราะยังไปไม่ถึงค่ะ แม้แต่ฝันถึงนิพพานก็ไม่เคยฝันค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ