เรียน อาจารย์ ทั้งสองท่าน
สังขารธรรมและสังขารขันธ์ มีความสัมพันธ์กันหรือไม่อย่างไร ครับ หรือว่าความหมายของคำว่าสังขาร มีความหมายหลายอย่างครับ ขอบคุณ และ ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สังขารธรรม คือ ธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง หมายถึง สภาพธรรมที่ต้องอาศัยสภาพธรรมอื่น จึงเกิดขึ้น ได้แก่ จิต เจตสิก และรูป ทั้งหมด เป็นสังขารธรรม เพราะ ต้องอาศัยสภาพธรรมอื่นๆ เป็นปัจจัย
ส่วน สังขารขันธ์ คือ กองสังขาร , กองแห่งธรรมที่มีสภาพปรุงแต่ง หมายถึง เจตสิก ๕๐ ดวง (เว้นเวทนาเจตสิกและสัญญาเจตสิก) ซึ่งมีสภาพปรุงแต่ง ทำให้จิต ที่เกิดขึ้น เป็นไปในชาติ กุศล อกุศล วิบาก หรือ ชาติกิริยา เพราะฉะนั้น สังขารขันธ์ จึงมุ่งหมายถึง เจตสิกปรมัตถ์ ที่เป็นเจตสิก 50 ดวงเท่านั้น ครับ
ดังนั้น สังขารธรรม จึงกินความหมายกว้างกว่า คือ รวม ทั้ง จิตทั้งหมด เจตสิกทั้งหมดและ รูปทั้งหมดด้วย เพราะเหตุว่า เป็นธรรมที่มีปัจจัยปรุงแต่ง จึงเกิดขึ้น ดังนั้นสังขารขันธ์ ที่เป็นเพียง เจตสิก 50 ประเภท เว้น เวทนาเจตสิก และ สัญญาเจตสิก จึงเป็นส่วนหนึ่งของ สังขารธรรม ครับ แต่ สังขารธรรม ไม่ใช่ สังขารขันธ์ทั้งหมด เพราะสังขารธรรม มี ทั้งจิต และ รูป ด้วย ครับ แต่ทั้งหมดก็สัมพันธ์กัน คือ แม้จะเป็นสังขารขันธ์ ที่เป็นเจตสิก 50 ดวง ก็ไม่พ้นจาก ความเป็นสังขารธรรม เพราะมีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้นเป็นไป ครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้เลย สังขารธรรม และ สังขารขันธ์ ก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงๆ ในขณะนี้
คำว่า สังขารขันธ์ เป็นชื่อของเจตสิก ๕๐ ประเภท เพราะ เจตสิกทั้งหมด มี ๕๒ เฉพาะเจตสิก ๕๐ เท่านั้น ที่เป็นสังขารขันธ์ เนื่องจากว่า สัญญาเจตสิก เป็นสัญญาขันธ์ และเวทนาเจตสิก เป็นเวทนาขันธ์ เจตสิกที่เหลือเป็นสังขารขันธ์ทั้งหมด เช่น เจตนา โลภะ โทสะ โมหะ ศรัทธา สติ วิริยะ ปัญญา เป็นต้น
ส่วนสังขารธรรม มีความหมายกว้างมาก คือ หมายถึงธรรมที่ถูกปัจจัยปรุงแต่งแล้วเกิดขึ้น ทั้งหมด ได้แก่ จิตทั้งหมด เจตสิกทั้งหมด และ รูปทั้งหมด ซึ่งเกิดขึ้น เพราะมีปัจจัยปรุงแต่ง
คำถาม - คำตอบ ทบทวน
สังขารธรรม เป็น สังขารขันธ์ ใช่ไหม?
(สังขารธรรมเป็นสังขารขันธ์ ก็มี ไม่ใช่สังขารขันธ์ ก็มี ที่เป็นสังขารขันธ์ ได้แก่ เจตสิก ๕๐ เท่านั้น นอกจากนั้นไม่ใช่สังขารขันธ์ เวทนาเจตสิก ๑ ดวง ไม่ใช่สังขารขันธ์ สัญญาเจตสิก ๑ ดวง ไม่ใช่สังขารขันธ์ รูปทั้งหมด ไม่ใช่สังขารขันธ์ และ จิตทั้งหมดไม่ใช่สังขารขันธ์)
สังขารขันธ์ เป็นสังขารธรรม ใช่ไหม?
(สังขารขันธ์ คือเจตสิก ๕๐ ประเภท เจตสิก ๕๐ ประเภทนี้ เกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่งแล้วก็ดับไป ดังนั้น สังขารขันธ์ จึงเป็นสังขารธรรม)
สังขารธรรม ที่ไม่ใช่สังขารขันธ์ มีไหม?
(มี คือ นอกเหนือไปจากเจตสิก ๕๐ ประเภท นั้น)
สังขารขันธ์ ที่ไม่เป็นสังขารธรรม มีไหม?
(ไม่มี เพราะล้วนแล้วแต่เป็นธรรมที่เกิดเพราะปัจจัยปรุงแต่งทั้งนั้น)
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
สังขารธรรม คือ สภาพธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่ง เป็น จิต เจตสิก 52 รูป ส่วน
สังขารขันธ์ ก็คือ เจตสิก 50 ดวง เว้นเวทนา สัญญาเป็นส่วนหนึ่งของ
สังขารธรรม ค่ะ
ขอร่วมสนทนาครับ
ขออนุโมทนาท่านที่ตอบและท่านที่ถามทุกท่าน
สังขารธรรม, สังขารธรรม เป็นสภาพจิตและเจตสิกทั้งหมดที่ปรุงแต่ง และ เป็นปัจจัย
วิสังขารธรรม ตรงข้ามกับสังขารธรรม คือ สภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่งก็เข้าถึงซึ่ง
นิพพานเลยทีเดียวครับ
ขอสอบถามเพิ่มครับ ทำไมเจตสิก 2 ดวงคือ เวทนาเจตสิกและสัญญาเจตสิก จึงแยก
ออกไปที่ขันธ์ 5 (เป็นสังขารขันธ์) แสดงว่ามีความสำคัญมากใช่ใหมครับ ทั้ง 2 ดวงนี้
ต่างเป็นสัพพจิตสารธารณะเจตสิกเกิดกับจิตทุกดวง ทุกภพภูมิ อยู่แล้ว (7 ดวง) ความ
ละเอียดของธรรมลึกซึ้งมาก จากการศึกษาเพียงเรื่องสัญญาเจตสิก ก็มีหลายระดับขั้น
สัญญาขั้นจำธรรมดาๆ ในชีวิตประจำวันก็อย่างหนึ่ง
จำได้หมายอารมณ์
จำเรื่องจำราว
และขั้นสูงๆ ขึ้นของสัญญาจำเรื่อง อัตตสัญญา
กว่าจะเป็นสัญญาจำธรรม ก็จะต้องเป็นสัญญาขั้นพิจารณาใคร่ครวญธรรมบ่อยๆ ซ้ำๆ
เนืองๆ ตลอด เพื่อให้สัญญาธรรมที่ถูกต้อง ตรงกับที่พระองค์ทรงแสดง มาแทนที่
สัญญาเดิมๆ ที่เหนียวแน่นยึดมั่นมากจริงๆ ยากที่จะไถ่ถอนความมีเรา ซึ่งกว่าจะเข้าใจ
ถูกเห็นถูกต้อง ต้องถูกมารผจญ (กิเลส) ครอบงำ จนหลงผิดแล้วหลงผิดเล่า มาหลาย
ชาตินับไม่ถ้วนครับ
ฟังท่านอ.สุจินต์ บางตอนกล่าวว่าเมื่อชาติก่อนๆ เราก็เคยคิดอย่างนี้และตอนนี้เดี๋ยวนี้
ก็คิดเหมือนเดิมอีก ต่อไปชาติหน้าก็ต้องเป็นอย่างนี้อีกต่อไปไม่จบสิ้น
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ การศึกษาพระธรรมต้องเป็นผู้ละเอียด
ขอบคุณค่ะ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกคนค่ะ สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ