ศึกษาธรรมะต้องตรง รู้แต่ตัวหนังสือหรือรู้สภาพธรรมะที่กำลังปรากฎ?
ได้ฟังการสนทนาธรรมที่มูลนิธิมาวันนี้ ผู้ตั้งกระทู้คิดว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ ขอเชิญร่วมสนทนาธรรมค่ะ อนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การอบรมปัญญาในการเข้าใจพระธรรมเริ่มจากปัญญาขั้นการฟังก่อน คือ เข้าใจว่าทุกอย่างเป็นธรรม และมีจริงอยู่ในขณะนี้นี่คือ ปัญญาขั้นการฟังที่ถูกต้องครับ อันเป็นปัจจัยให้สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่การศึกษาที่รู้ว่ามีจิตเท่าไหร่ มีเจตสิกเท่าไหร่แล้วไม่เข้าใจความจริงว่า ขณะนี้เป็นธรรมแม้ขั้นการฟัง ดังนั้น ปัญญาขั้นการฟังยังไม่สามารถรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมยังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่เริ่มมีความเห็นถูกจนเป็นสัจจญาณมั่นคงว่าขณะนี้เป็นธรรม จนสติเกิดครับ
ดังนั้นการศึกษาธรรมที่ถูกต้องคือ เริ่มจากความเห็นถูกขั้นการฟังว่าขณะนี้เป็นธรรมและธรรมคืออะไร ไม่ใช่จำเรื่องราวมากๆ และที่สำคัญ ไม่ว่าศึกษาในพระธรรมหมวดใด ผู้ที่มั่นคงในความเข้าใจเรื่องสติปัฏฐาน ก็ไม่ลืมว่าก็คือสภาพธรรมที่มีในขณะนี้เองครับ จึงเป็นปัญญาขั้นการฟังที่ถูกต้องอันนำไปสู่การระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ และที่สำคัญขาดการอบรมบารมีในชีวิตประจำวันไม่ได้คือความดีทุกประการ เพราะถ้ายังหนาหรือเต็มไปด้วยอกุศลที่ไม่ดีมาก ก็เปรียบเหมือนคนเห็นทางแต่ไม่มีแรง สติปัฏฐานก็เป็นเรื่องไกลที่จะเกิดขึ้นได้ อบรมความดีทุกๆ ปะการ เป็นคนดียิ่งขึ้น พร้อมๆ กับความเข้าใจว่าเป็นธรรม ขออนุโมทนาครับ รู้ชื่อมากเพื่อเข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรมกับรู้ชื่อมากแต่ไม่เข้าใจว่าเป็นธรรมจึงต่างกัน แต่ต้องเริ่มจากอาศัยชื่อเรื่องราวเพื่อให้เข้าใจความจริงของสภาพธรรม
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เมื่อคืนได้มีโอกาสดู DVD ที่คุณลุงประพันธ์อัดเอาไว้เมื่อปี ๒๕๓๓ เก่ามากๆ ๑๘ ปีที่แล้วที่วัดบวรค่ะ เพิ่งจะทราบว่าท่านอาจารย์สุจินต์ และท่านอาจารย์สมพร ยืนบรรยายบนโพเดียม คงต้องเป็นเวลานานเป็นแน่ท่านเป็นบุคคลที่พิเศษจริงๆ บรรยายก็ไม่เห็นมีพูดตะกุกตะกักเลย เสียงก็ไพเราะ ที่เห็นก็มี อาจารย์สมพร อาจารย์อดิศักดิ์อาจารย์นิภัทร อาจารย์ธิดารัตน์ คุณพรชัย คุณพี่วรรณีและคนอื่นๆ ที่หนูอาจจะจำไม่ได้ค่ะ เห็นแล้วเปิดปิติโสมนัสมากๆ ที่กล่าวมาไม่ได้เป็นการพยายามโปรโมตแต่อย่างใดนะคะ แต่เป็นความจริงที่ได้เห็นว่าผู้ที่มีศรัทธาในพระธรรมอย่างมั่งคงกลุ่มนี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ท่านอาจารย์บรรยายเหมือนเดิมเป๊ะ ไม่เปลี่ยนไปเลย ขออนุโมทนาอีกครั้งกับความใส่ใจในพระธรรมของทุกท่านค่ะ
รู้แค่ไหน ก็ต้องตรงว่ากำลังรู้แค่นั้น รู้ขั้นไหนก็ต้องตรงว่ากำลังรู้ขั้นนั้น แล้วที่ยังไม่รู้มีอีกมากมายมหาศาลแค่ไหนก็ต้องตรงว่ายังคงต้องพากเพียรศึกษา ฟัง พิจารณา ใส่ใจ ไม่ทิ้งและไม่ลืมประโยชน์ของการเจริญกุศลทุกประการเพื่อขัดเกลากิเลส ละความไม่รู้ตามกำลังของปัญญาในขั้นนั้นๆ ต่อๆ ไป...ขออนุโมทนาครับ...
ขออนุโมทนาเจ้าของกระทู้ และทุกๆ ท่านค่ะ
ตัวหนังสือ ก็รู้แค่เพียงพยัญชนะ แต่ อรรถ ก็ไม่ค่อยรู้ลึกซึ้ง
สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ก็เป็นเพียงขั้นคิด เมื่อสภาพธรรมนั้นๆ ดับแล้ว
สรุปก็คือ ต้องฟังต่อไปอีกนาน ต้องฟังให้เข้าใจจนจรดกระดูก
ศึกษาธรรมะต้องตรง รู้แต่ตัวหนังสือหรือรู้สภาพธรรมะที่กำลังปรากฎ?
ใช่ค่ะ ต้องตรง ตรงที่จะยอมรับว่ารู้เท่าไรคือเท่านั้น ขณะนี้รู้เพียงขั้นการฟัง นึกคิดเป็นเรื่องราว หรือรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฎแล้วจริงๆ หรือว่าไม่รู้อะไรเลย ขณะนี้จะรู้ตัวหนังสือหรือรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฎหรือไม่ก็ตาม เห็นพ้องกันกับคุณ pannipa.v ว่ายังต้องฟังต่อไปอีกนาน อย่างที่ท่านอจ. มักพูดและเตือนอยู่เสมอว่าต้องฟังให้เข้าใจจนจรดกระดูก
กราบขอบพระคุณและกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์
ขออนุโมทนาคุณพาราระวีและความคิดเห็นของทุกท่านค่ะ
ที่เราศึกษาพระวินัย พระสูตร พระอภิธรรม เพื่อเข้าถึงธรรมะที่มีจริงในขณะนี้ อาศัย
การได้ยินได้ฟังในสิ่งที่ไม่เคยฟังมาก่อนเป็นปัจจัยให้ปัญญาค่อยๆ เจริญขึ้นค่ะ
อนุโมทนาทุกท่านที่มั่นคงในพระธรรมนะคะ