การแสวงหาการหลุดพ้นแบบไหนถึงไม่เรียกว่าบ้า
ความคิดเห็นที่ 3
ที่เราเห็นเป็นสัตว์ บุคคล นี่ก็เป็นสัญญาวิปลาสแล้ว (บ้า) ก็ต้องอบรมปัญญาจนกว่าหมดกิเสลเป็นพระอรหันต์ เมื่อนั้นก็ไม่บ้า
โดยสมาชิก : wannee.s
ผมพึ่งซึ้งใจว่า เหตุใดคนถึงมีโอกาสบ้าได้ทุกคน เพราะก็บ้ากันอยู่แล้ว แต่ว่ามากบ้าง น้อยบ้าง นอกจากสัญญาวิปลาสแล้ว ยังมีวิปลาสอย่างอื่นอีกไหมครับ การฝึกสมถกรรมฐาน ด้วยมิจฉาทิฏฐิ จริงหรือไม่ ที่ทำให้อาจเป็นบ้ามากๆ ได้ สมถะที่เป็นสัมมา กับที่เป็นมิจฉา ต่างกันอย่างไรครับ
สมถภาวนา หมายถึงจิตที่เป็นกุศล สงบจากอกุศล ผู้ที่ฝึกสมาธิ และจิตเป็นอกุศลไม่เรียกว่าสมถภาวนา ขณะที่เป็นมิจฉาสมาธิ จิตเป็นอกุศล เกิดความเครียด อาจทำให้เป็นบ้ามากๆ ได้
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
คนบ้า ๘ จำพวก
สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส ทิฏฐิวิปลาส ขณะที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่วิปลาสค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขณะที่เป็นอกุศล เป็นสัญญาวิปลาส จิตวิปลาส แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นทิฏฐิวิปลาส ขณะที่มีความเห็นผิด เป็นวิปลาสทั้ง ๓ ดังนั้น ในวันหนึ่งๆ จึงมีวิปลาสมากมาย แต่ขณะที่มีความเห็นผิดในการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นสมถภาวนา หรือ วิปัสสนาภาวนา ชื่อว่า สัญญาวิปลาส จิตวิปลาส และมีทิฏฐิวิปลาสด้วย ส่วนสมถภาวนา ที่เป็นสัมมา คือ มีความเข้าใจถูก เป็นสำคัญ ในการอบรม แต่ถ้าเป็นมิจฉา ในสมถภาวนา คือ มีความเห็นผิดเป็นเบื้องต้นในการอบรมครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ต้องเข้าใจว่า บ้าเป็นธรรมดา เป็นธรรมดา เพราะบ้าก็เป็นกิเลสเป็นธรรม เช่นกัน
เมื่อโลกุตตรมรรคจิตเกิด มีนิพพานเป็นอารมณ์ เมื่อนั้น ดับความบ้าได้เป็นสมุจเฉทแน่นอน ก็ยังไม่รู้ว่าจะอีกกี่แสนโกฏิกัปป์ ที่สำคัญที่สุด คือ ตอนนี้ก็อาจจะบ้าบ้าง ... เมื่อหลงลืมสติ หรืออาจจะหายบ้าบ้างชั่วคราว ... เมื่อสติเกิดไปก่อน ตามกำลังของปัญญาที่สั่งสมมาครับ ที่สำคัญกว่า คือ จะขาดการศึกษาพระธรรมในแนวทางของความเห็นถูก ไม่ได้เลย
ยินดีในกุศลจิตค่ะ