ถ้าลองเปรียบเทียบ "อนัตตา" กับ มิติ พอจะเปรียบกันได้ดังนี้
บัญญัติ ไม่มีสภาวะ ไม่มีกว้าง ไม่มียาว ไม่มีหนา จึงเปรียบได้ว่า ไม่มีมิติ
รูปธรรม มีสภาวะ ไม่มีตัวตน จึงมีมิติเดียว เช่น สี เสียง กลิ่น รส สัมผัสเป็นแต่สภาวธรรมที่มีลักษณะเป็นอย่างไรก็เป็นอยู่อย่างนั้น จะดูทิศไหน เหลี่ยมไหน สีก็คือสี เปรียบได้ว่ามีมิติเดียว
วิญญาณ มีสภาวะไม่มีตัวตน รู้รูปธรรม (ประชุมกันเป็น ๒ และ ๓ มิติ) ได้ ๒ มิติ เช่น การ เห็น เราเห็นวัตถุเพียงระนาบเดียว เมื่อเปลี่ยนมุมมอง ระนาบก็เปลี่ยนไป การเห็นจึงต่างกันไปด้วย
เจตสิก มีสภาวะ ไม่มีตัวตน ปรุงแต่งจิตให้รู้เป็น ๒, ๓, ๔ มิติ เช่น สัญญาจำได้หมายมั่น ว่าเป็น อัตตา เวทนาก็เป็นเราเสวยเวทนา เจตนาให้เป็นไปในอัตตา ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทั้งหมดเป็นเพียงแค่จินตนาการเปรียบเทียบให้พอเข้าใจสภาวะของอนัตตากับความรู้ของมิติเท่านั้น จะนำไปเทียบกับคำสอนและพระปัญญาของพระพุทธเจ้าในความเป็นผู้สามารถในการจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์โลกไม่ได้เลย
เชิญคลิกอ่าน...
ภควา [พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย ]
ขออนุโมทนา
อนัตตา คือ ขณะนี้ ขณะแล้วขณะเล่า ผ่านไป หมดไป แต่ปัญญาของปุถุชนอย่างเราก็น้อยกว่าอวิชชาที่สั่งสมมาอยู่มาก ความป็นอัตตา คือมีความเป็นตัวตนยังอยู่เต็ม จึงยังต้องอบรมสั่งสมให้กำลังของปัญญาเจริญมากขึ้นๆ โดยไม่รีบเร่ง หรือคาดหวังครับ
ขออนุโมทนาครับ