[เล่มที่ 4] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒
พระวินัยปิฎก เล่ม ๒
มหาวิภังค์ ทุติยภาค
ปาจิตติยภัณฑ์
ปาจิตตีย์ วรรคที่ ๑
มุสาวาทวรรค
มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๘
เรื่องภิกษุพวกฝังแม่น้ําวัคคุมุทา 304/195
วัชชีชนบทเกิดทุพภิกขภัย 195
พุทธประเพณี 198
พระบัญญัติ 199
สิกขาบทวิภังค์ 306/199
บทภาชนีย์อุตริมนุสธรรมมีฌานเป็นต้น 307/200
อนาปัตติวาร 341/244
มุสาวาทวรรค ภูตาโรจนสิกขาบทที่ ๘ 244
แก้อรรถปฐมบัญญัติเรื่องพระภิกษุฝังแม่น้ําวัคคุมุทา 244
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 4]
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 195
มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๘
เรื่องภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา
[๓๐๔] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคาร ศาลา ป่ามหาวัน เขตพระนครเวสาลี ครั้งนั้น ภิกษุมากรูปด้วยกัน ซึ่งเคย เห็นร่วมคบทากันมา จำพรรษาอยู่ใกล้ฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา
วัชชีชนบทเกิดทุพภิกขภัย
ก็แลสมัยนั้น วัชชีชนบทอัตคัดอาหาร ประชาชนหาเลี้ยงชีพฝืดเคือง มีข้าวคายฝอย ต้องมีสลากซื้ออาหาร ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการ ถือบาตรแสวงหา ก็ทำไม่ได้ง่าย จึงภิกษุเหล่านั้นคิดกันว่า บัดนี้วัชชีชนบท อัตคัดอาหาร ประชาชนหาเลี้ยงชีพฝืดเคือง มีข้าวตายฝอย ต้องมีสลากซื้อ อาหาร ภิกษุสงฆ์จะยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยการถือบาตรแสวงหา ก็ทำไม่ได้ ง่าย พวกเราจะพึงเป็นผู้พร้อมเพรียงก้น ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษา เป็นผาสุก และจักไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต ด้วยอุบายอย่างไรหนอ.
มติของที่ประชุม
ภิกษุบางพวกพูดอย่างนี้ว่า อาวุโสทั้งหลาย ผิฉะนั้น พวกเราจะช่วย กันอำนวยกิจการอันเป็นหน้าที่ของพวกคฤหัสถ์เถิด เมื่อเป็นเช่นนั่น พวกเขา จักมุ่งถวายบิณฑบาตแก่พวกเรา ด้วยอุบายอย่างนี้ พวกเราจะพึงเป็นผู้พร้อม เพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษาเป็นผาสุก และจักไม่ลำบาก ด้วยบิณฑบาต
ภิกษุบางพวกพูดอย่างนี้ว่า ไม่ควร ท่านทั้งหลาย จะประโยชน์อะไร ด้วยการช่วยกันอำนวยกิจการ อันเป็นหน้าที่ของพวกคฤหัสถ์ ท่านทั้งหลาย
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 196
ผิฉะนั้น พวกเราจงช่วยกันนำข่าวสาส์นอันเป็นหน้าที่ทูตของพวกคฤหัสถ์เถิด เมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเขาจักมุ่งถวายบิณฑบาตแก่พวกเรา ด้วยอุบายอย่างนั้น พวกเราจักเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษาเป็น ผาสุก และจักไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต
ภิกษุบางพวกพูดอย่างนี้ว่า อย่าเลย ท่านทั้งหลาย จะประโยชน์อะไร ด้วยการช่วยกันอำนวยกิจการอันเป็นหน้าที่ของพวกคฤหัสถ์ จะประโยชน์อะไร ด้วยการช่วยกันนำข่าวสาส์นอันเป็นหน้าที่ทูตของพวกคฤหัสถ์ ท่านทั้งหลาย ผิฉะนั้น พวกเราจักกล่าวชมอุตริมนุสธรรมของกันและกันแก่พวกคฤหัสถ์ว่า ภิกษุรูปโน้น ได้ปฐมฌาน รูปโน้นได้ทุติยฌาน รูปโน้นได้ติยฌาน รูปโน้น ได้จตุตถฌาน รูปโน้นเป็นพระโสดาบัน รูปโน้น เป็นพระสกทาคามี รูปโน้น เป็นพระอนาคามี รูปโน้นเป็นพระอรหันต์ รูปโน้นได้วิชชา ๓ รูปโน้น ได้ อภิญญา ๖ ดังนี้ เมื่อเป็นเช่นนี้. พวกเขาจักมุ่งถวายบิณฑบาตแก่พวกเรา ด้วยอุบายอย่างนี้ พวกเราก็จะพึงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษาเป็นผาสุก และจักไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต.
ภิกษุเหล่านั้น มีความเห็นร่วมกันว่า อาวุโสทั้งหลาย การที่พวกเรา พากันกล่าวชมอุตริมนุสธรรมของกันและกัน แก่พวกคฤหัสถ์นี้แหละ ประเสริฐที่สุด แล้วพากันกล่าวชมอุตริมนุสธรรมของกัน และกันแก่พวก คฤหัสถ์ว่า ภิกษุรูปโน้น ได้ปฐมฌาน รูปโน้น ได้ทุติยฌาน รูปโน้นได้คติยฌาน รูปโน้น ได้จตุตถฌาน รูปโน้น เป็นพระโสดาบัน รูปโน้น เป็นพระสกทาคามี รูปโน้น เป็นพระอนาคามี รูปโน้นเป็นพระอรหันต์ รูปโน้นได้วิชชา ๓ รูป โน้นได้อภิญญา ๖ ดังนี้.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 197
ประชาชนพากันยินดี
ครั้นต่อมาประชาชนเหล่านั้นพากันยินดีว่า เป็นลาภของพวกเราหนอ พวกเราได้ดีแล้วหนอ ที่มีภิกษุทั้งหลายผู้ทรงคุณพิเศษเห็นปานนี้ อยู่จำพรรษา เพราะก่อนแค่นี้ ภิกษุทั้งหลายที่อยู่จำพรรษาของพวกเรา จะมีคุณสมบัติ เหมือนภิกษุผู้มีศีลมีกัลยาณธรรมเหล่านี้ไม่มีเลย โภชนะชนิดที่พวกเขาจะถวาย แก่ภิกษุเหล่านั้น พวกเขาไม่บริโภคด้วยตน ไม่ให้มารดา บิดา บุตร ภรรยา คนรับใช้ กรรมกร มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต ของเคี้ยว ของลิ้ม น้ำดื่ม ชนิดที่พวกเขาจะถวายแก่ภิกษุเหล่านั้น พวกเขาไม่ดื่มด้วยตน ไม่ให้มารดา บิดา บุตร ภรรยา คนรับใช้ กรรมกร มิตร อำมาตย์ ญาติสาโลหิต จึงภิกษุเหล่านั้น เป็นผู้มีน้ำนวล มีอินทรีย์ผ่องใส มีสีหน้าสดชื่น มีผิวพรรณ ผุดผ่อง.
ประเพณีเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า
[๓๐๕] ก็การที่ภิกษุทั้งหลายออกพรรษาแล้วเข้าเฝ้าเยี่ยมพระผู้มีพระภาคเจ้านั่นเป็นประเพณีครั้นภิกษุเหล่านั้นจำพรรษาโดยล่วงไตรมาสแล้ว เก็บ เสนาสนะถือบาตรจีวรหลีกไปโดยมรรคาอันจะไปสู่พระนครเวสาลี ถึงพระนคร เวสาลี ป่ามหาวัน กูฏคารศาลา โดยลำดับ เข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถวาย บังคมแล้วนั่งเฝ้าอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง.
ภิกษุต่างทิศมาเฝ้า
ก็โดยสมัยนั้น แล พวกภิกษุผู้จำพรรษาอยู่ในทิศทั้งหลาย เป็นผู้ผอม ซูบซีด มีผิวพรรณหมอง เหลืองขึ้นๆ มีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยเอ็น ส่วนภิกษุ พวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา เป็นผู้มีน้ำนวล มีอินทรีย์ผ่องใส มีสีหน้าสดชื่น มี ผิวพรรณผุดผ่อง.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 198
ทรงปราศรัยกับพระอาคันตุกะ
อันการที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลาย ทรงปราศรัยกับพระอาคันตุกะทั้งหลาย นั่นเป็นพุทธประเพณี ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส ถามภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ร่างกายของพวกเธอ ยังพอทนได้หรือ ยังพอให้เป็นไปได้หรือ พวกเธอเป็นผู้พร้อม เพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษาเป็นผาสุก และไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต หรือ.
ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ยังพอทนได้ พระพุทธเจ้าข้า ยังพอให้ เป็นไปได้ พระพุทธเจ้าข้า อนึ่ง พวกข้าพุทธเจ้าเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจ กัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษาเป็นผาสุก และไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต พระ พุทธเจ้าข้า.
พุทธประเพณี
พระตถาคตทั้งหลาย ทรงทราบอยู่ ย่อมตรัสถามก็มี ทรงทราบอยู่ ย่อมไม่ตรัสถามก็มี ทรงทราบกาลแล้วตรัสถาม ทรงทราบกาลแล้วไม่ตรัสถาม พระตถาคตทั้งหลายย่อมตรัสถามสิ่งที่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ตรัสถามสิ่งที่ ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ในสิ่งที่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ พระตถาคตทรง กำจัดด้วยข้อปฏิบัติ พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลานย่อมทรงสอบถามภิกษุ ทั้งหลายด้วยอาการ ๒ อย่าง คือ จักทรงแสดงธรรมอย่างหนึ่ง จักทรงบัญญัติ สิกขาบทแก่พระสาวกทั้งหลายอย่างหนึ่ง.
ตรัสถาม
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทาว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ร่วมใจกัน ไม่วิวาทกัน อยู่จำพรรษาเป็นผาสุก และไม่ลำบากด้วยบิณฑบาต ด้วยวิธีการอย่างไร.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 199
ภิกษุเหล่านั้น ได้กราบทูลเนื้อความนั้นให้ทรงทราบแล้ว.
ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คุณวิเศษของพวกเธอนั่น มีจริงหรือ
ภิ. มีจริง พระพุทธเจ้าข้า
ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน พวกเธอจึงได้กล่าวชมอุตริมนุสธรรมของกันและกันแก่พวกคฤหัสถ์เพราะเหตุ แห่งต้องเล่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของพวกเธอนั่น ไม่เป็นไป เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของ ชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
พระบัญญัติ
๕๗. ๘. อนึ่ง ภิกษุใดบอกอุตริมนุสธรรมแก่อนุปสัมบัน เป็นปาจิตตีย์ เพราะมีจริง.
เรื่องภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา จบ
สิกขาบทวิภังค์
[๓๐๖] บทว่า อนึ่ง ... ใด ความว่า ผู้ใด คือ ผู้เช่นใด ...
บทว่า ภิกษุ ความว่า ที่ชื่อว่า ภิกษุ เพราะอรรถว่าเป็นผู้ขอ ... นี้ ชื่อว่า ภิกษุ ที่ทรงประสงค์ในอรรถนี้
ที่ชื่อว่า อนุปสัมบัน ความว่า ยกเว้น ภิกษุ ภิกษุณี นอกนั้นชื่อว่า อนุปสัมบัน.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 200
บทภาชนีย์
[๓๐๗] ที่ชื่อว่า อุตริมนุสธรรม ได้ แก่ ฌาน วิโมกข์ สมาธิ สมาบัติ ฌาณทัสสนะ การทำมรรคให้เกิด การทำผลให้แจ้ง การละกิเลส ความเปิดจิต ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า.
[๓๐๘] ที่ชื่อว่า ฌาน ได้แก่ ปฐมฌาน ทุติยฌาน ติยฌาน จตุตถฌาน.
ที่ชื่อว่า วิโมกข์ ได้แก่ สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิ- หิตวิโมกข์.
ที่ชื่อว่า สมาธิ ได้แก่ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ.
ที่ชื่อว่า สมาบัติ ได้แก่ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ
ที่ชื่อว่า ฌาณ ได้แก่ วิชชา ๓.
ที่ชื่อว่า การทำมรรคให้เกิด ได้แก่ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘.
ที่ชื่อว่า การทำผลให้แจ้ง ได้แก่ การทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล.
ที่ชื่อว่า การละกิเลส ได้แก่ การละราคะ ... โทสะ ... โมหะ.
ที่ชื่อว่า ความเปิดจิต ได้แก่ ความเปิดจิตจากราคะ ความเปิดจิต จากโทสะ ความเปิดจิตจากโมหะ.
ที่ชื่อว่า ความยินดียิ่งในเรือนอันว่างเปล่า ได้แก่ ความยินดียิ่ง ในเรือนอันว่างเปล่าด้วยปฐมฌาน ... ด้วยทุติยฌาน ... ด้วยคติยฌาน ... ด้วย จตุตถฌาน.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 201
บอกปฐมฌาน
[๓๐๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้า ปฐมฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ ปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญ ในปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ปฐมฌานข้าพเจ้าทำ ให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกทุติยฌาน
[๓๑๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ทุติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้ทุติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในทุติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ทุติยฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 202
บอกตติยฌาน
... เข้าตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าตติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์..
... เป็นผู้ได้ตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ตติยฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจตุตถฌาน
... เข้าจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าจตุตถฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้จตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จตุตถฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกสุญญตวิโมกข์
[๓๑๑] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า สุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์อยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้สุญญตวิโมกข์ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สุญญตวิโมกข์ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 203
บอกอนิมิตตวิโมกข์
... เข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอนิมิตตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อนิมิตตวิโมกข์ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอัปปณิหิตวิโมกข์
... เข้าอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอัปปณิหิตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อัปปณิหิตวิโมกข์ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกสุญญตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าสุญญตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้สุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สุญญตสมาธิข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 204
บอกอนิมิตตสมาบัติ
... เข้าอนิมิตตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอนิมิตตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอนิมิตตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อนิมิตตสมาธิข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอัปปหิตสมาธิ
... เข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอัปปณิหิตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อัปปณิหิตสมาธิข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกสุญญตสมาบัติ
[๓๑๒] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า สุญญตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้เข้าสุญญตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ได้สุญญตสมาบัติ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ข้าพเจ้าเป็นผู้ชำนาญในสุญญตสมาบัติ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สุญญตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 205
บอกอนิมิตตสมาบัติ
... เข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอนิมิตตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อนิมิตตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอัปปณิหิตสมาบัติ
... เข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอัปปณิหิตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อัปปณิหิตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกวิชชา ๓
[๓๑๓] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า วิชชา ๓ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าวิชชา ๓ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าวิชชา ๓ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้วิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... วิชชา ๓ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 206
บอกสติปัฏฐาน
[๓๑๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า สติปัฏฐาน ๔ แล้วดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าสติปัฏฐาน ๔ อยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้สติปัฏฐาน ๔ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในสติปัฏฐาน ๔ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สติปัฏฐาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตทิย์.
บอกสัมมัปปธาน ๔
... ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าสัมมัปปธาน ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้สัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... สัมมัปปธาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอิทธิบาท ๔
... ข้าพเจ้าเข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอิทธิบาท ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อิทธิบาท ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 207
บอกอินทรีย์ ๕
[๓๑๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า อินทรีย์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอินทรีย์ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอินทรีย์ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อินทรีย์ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกพละ ๕
... ข้าพเจ้าเข้าพละ ๕ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าพละ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าพละ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้พละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... พละ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกโพชฌงค์ ๗
[๓๑๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า โพชฌงค์ ๗ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าโพชฌงค์ ๗ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าโพชฌงค์ ๗ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้โพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 208
... เป็นผู้ชำนาญในโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โพชฌงค์ ๗ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอริยมรรคมีองค์ ๘
[๓๑๗] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า อริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... อริยมรรคมีองค์ ๘ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกโสดาปัตติผล
[๓๑๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า โสดาปัตติผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าโสดาปัตติผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าโสดาปัตติผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้โสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โสดาปัตติผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกสกทาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าสกทาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 209
... เป็นผู้เข้าสกทาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้สกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... สกทาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอนาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าอนาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอนาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอนาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้อนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... อนาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกอรหัตตผล
... เข้าอรหัตตผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าอรหัตตผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าอรหัตตผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... อรหัตตผลข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกสละ ราคะ โทสะ โมหะ
[๓๑๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสันบันว่า ราคะข้าพเจ้า สละแล้ว ตายแล้ว พ้นแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 210
... โทสะ ข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... โมหะ ข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... บอกจิตเปิดจากราคะ โทสะ โมหะ
[๓๒๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบัน ว่า จิตของข้าพเจ้า เปิดจากราคะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานในสุญญาคาร
[๓๒๑] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานในสุญญาคาร.. ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานในสุญญาคารข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้วะ..ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานในสุญญาคาร
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญทุติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานในสุญญาคารข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 211
บอกเข้าตติยฌานในสุญญาคาร
... ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าตติยฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าตติยฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ตติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญตติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ตติยฌานในสุญญาคาร ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าจตุตถฌานในสุญญาคาร
... ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานในสุญญาคารแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าจตุตถฌานในสุญญาคารอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าจตุตถฌานในสุญญาคารแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จตุตถฌานในสุญญาคาร ข้าพเจ้า ทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและทุติยฌาน
[๓๒๒] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปรมฌานทุติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปรมฌานและทุติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและทุติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและทุติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 212
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและทุติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและทุติยฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
บอกเข้าปฐมฌานและตติยฌาน
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและตติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและตติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปรมฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและตติยฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและจตุตฌาน
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและจตุตถฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและจตุตถฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและจตุตถฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์
[๓๒๓] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 213
... เข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสุญญตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ. ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 214
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสุญญตสมาธิ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนิมิตตสมาธิ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 215
บอกเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์
... เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์
... ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาธิ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์
บอกเข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ
[๓๒๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและสุญญตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสุญญตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสุญญตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอนิมิตสมาบัติ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 216
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนิมิตทสมาบัติแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนิมิตตสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว.. ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอัปปณิหิตสมธิแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ผู้ชำนาญในปฐมฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอัปปณิหิคสมาบัติ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและวิชา ๓
[๓๒๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและวิชชา ๓ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและวิชชา ๓ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและวิชชา ๓ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 217
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและวิชชา ๓ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔
[๓๒๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌาน และสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสติปัฏฐาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสัมมัปปธาน ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 218
บอกเข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอิทธิบาท ๔ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๔
[๓๒๗] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอินทรีย์ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและพละ ๕
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและพละ ๕ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและพละ ๕ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 219
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและพละ ๕ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปรมฌานและพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปรมฌานและพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและพละ ๕ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗
[๓๒๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและโพชฌงค์ ๗ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘
[๓๒๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 220
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอริยมรรคมีองก์ ๘ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผล
[๓๓๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานและโสดาปัตติผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและโสดาปัตติผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตติย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและโสดาปัตติผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและสกทาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและสกทาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 221
บอกเข้าปฐมฌานและอนาคามิผล
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอนาคามิผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอนาคามิผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอนาคามิผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอนาคามิผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและอรหัตตผล
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานและอรหัตตผลแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานและอรหัตตผลอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานและอรหัตตผลแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌานและอรหัตตผล ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌานและอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานและอรหัตตผล ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสละราคะ
[๓๓๑] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌานแล้ว และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานอยู่ และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 222
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและสละโทสะ
... เข้าปฐมฌานแล้ว และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานอยู่ และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
บอกเข้าปฐมฌานและสละโมหะ
... เข้าปฐมฌานแล้ว และโมหะข้าพเจ้า สละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 223
... เข้าปฐมฌานอยู่ และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และโมหะข้าพเจ้า สละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมณานและจิตเปิดจากราคะ
[๓๓๒] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานอยู่ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 224
บอกเข้าปฐมฌานและจิตเปิดจากโทสะ
... ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานอยู่ และจิตของ ข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าปฐมฌานและจิตเปิดจากโทสะ
... เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าปฐมฌานอยู่ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าปฐมฌานแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าจากโมหะ ... ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 225
... เป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและตติยฌาน
[๓๓๓] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ทุติยฌานและตติยฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานและตติยฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานและตติยฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในทุติยฌานและตติยฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและตติยฌาน ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและจตุตถฌาน
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานและจตุตถฌานอยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานและจตุตถฌานแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในทุติยฌานและจตุตถฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและจตุตถฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... .ต้องอาบัติปาจิตตีย์
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 226
บอกเข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์
... ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
... เข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์อยู่ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้เข้าทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์แล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ได้ทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... เป็นผู้ชำนาญในทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและสุญญตวิโมกข์ ข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ... ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและอนิมิตตวิโมกข์
... ๑ทุติยฌานและอนิมิตตวิโมกข์ ... ๒ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... บอกเข้าทุติยฌานและอัปปณิหิตวิโมกข์
... ทุติยฌานแเละอัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและสมาธิ
... ทุติยฌานและสุญญตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและะอัปปณิหิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
๑. ที่ ... ไว้นี้ หมายความว่าข้าพเจ้า.
๒. ที่ ... ไว้นี้ หมายความว่า เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ และทำ ให้แจ้ง.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 227
บอกเข้าทุติยฌานและสมาบัติ
... ทุติยฌานและสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอนิมิตตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอัปปณิหิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและวิชชา ๓
... ทุติยฌานและวิชชา ๓ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและสติปัฏฐาน ๔
... ทุติยฌานและสติปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและสัมมัปปธาน ๔
... ทุติยฌานและสัมมัปปธาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและอิทธิบาท ๔
... ทุติยฌานและอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกทุติยฌานและอินทรีย์ ๕
... ทุติยฌานและอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและพละ ๕
... ทุติยฌานและพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและโพชฌงค์ ๗
... ทุติยฌานและโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘
... ทุติยฌานและอริยมรรคมีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 228
บอกเข้าทุติยฌานและอริยผล ๔
... ทุติยฌานและโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... ทุติยฌานและอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและละกิเลส
... ทุติยฌานและราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌานและโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและจิตเปิดจากกิเลส
... ทุติยฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... ทุติยฌาน และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกเข้าทุติยฌานและปฐมฌาน
... ทุติยฌานและปฐมฌาน ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าปฐมฌาน
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของข้าพเจ้าเปิด จากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานอยู่ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 229
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และเข้าปฐมฌานได้แล้ว ดังนี้ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และเป็นผู้ได้ปฐมฌาน ดังนี้ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และเป็นผู้ชำนาญในปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และปฐมฌานข้าพเจ้าทำให้แจ้งแล้ว ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าทุติยฌาน
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้ แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งทุติยฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าตติยฌาน
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งตติยฌาน ดังนี้ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าจตุตถฌาน
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งจตุตถฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 230
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าวิโมกข์
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งสุญญตวิโมกข์ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ ... ซึ่ง อนิมิตตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ ... ซึ่ง อัปปณิหิตวิโมกข์ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสมาธิ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งสุญญตสมาธิ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอนิมิตตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอัปปณิ- หิตสมาธิ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสมาบัติ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว.. ซึ่งสุญญตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 231
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอัปปณิ- หิตสมาบัติ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าวิชชา ๓
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งวิชชา ๓ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าสติปัฏฐาน ๔
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสติ- ปัฏฐาน ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอิทธิบาท ๔
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอิทธิบาท ๔ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอินทรีย์ ๕
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอินทรีย์ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าพละ ๕
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งพละ ๕ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าโพชฌงค์ ๗
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะและข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งโพชฌงค์ ๗ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 232
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอริยมรรค มีองค์ ๘ ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและเข้าอริยผล ๔
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งโสดาปัตติผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งสกทาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอนาคามิผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และข้าพเจ้าเข้าแล้ว ... ซึ่งอรหัตตผล ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและสละกิเลส
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และโมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ... ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
บอกจิตเปิดจากโมหะและจากราคะ
... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 233
บอกจิตเปิดจากโมหะและจากโทสะ
... จิตของข้าพเจ้า เปิดจากโมหะ และจิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
บอกรวมทุกอย่าง
[๓๓๔] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้งแล้ว ซึ่งปฐมฌาน
... ทุติยฌาน ... ตติยฌาน ... จตุตถฌาน ... สุญญตวิโมกข์ ... อนิมิตตวิโมกข์ ... อัปปณิหิตวิโมกข์ ... สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ ... อัปปณิหิตสมาธิ ... สุญญตสมาบัติ ... อนิมิตตสมาบัติ ... อัปปณิหิตสมาบัติ ... วิชชา ๓ ... สติปัฏฐาน ๔ ... สัมมัปปธาน ๔ ... อิทธิบาท ๔ ... อินทรีย์ ๕ ... พละ ๕ ... โพชฌงค์ ๗ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ... ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว สละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... โมหะ ข้าพเจ้าสละแล้ว ... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... จากโทสะ ... และจาก โมหะ ดังนี้ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.
วัตถุกามวารกถา
ประสงค์จะบอกเข้าปฐมฌาน
[๓๓๕] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขา เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 234
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตวิโมกข์แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตวิโมกข์แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตวิโมกข์แล้ว ... เรื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาธิ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาธิแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาธิแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสุญญตสมาบัติแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนิมิตตสมาบัติแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอัปปณิหิตสมาบัติแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 235
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าวิชชา ๓ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสติปัฏฐาน ๔ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสัมมัปปธาน ๔ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอิทธิบาท ๔ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอินทรีย์ ๕ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าพละ ๕ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโพชฌงค์ ๗ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอริยมรรคมีองค์ ๘ แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าโสดาปัตติผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าสกทาคามิผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอนาคามิผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 236
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าอรหัตตผลแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ดังนี้ เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อ ไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า โทสะข้าพเจ้าสละแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทกคน.
... แต่บอกว่า โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว.. เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ประสงค์จะบอกเข้าทุติฌาน
[๓๓๖] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานแล้ว แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าตติยฌานแล้ว ... เมื่อเขา เข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
(๑) ที่ ฯลฯ ฯลฯ ไว้นี้หมายถึงว่า ประสงค์จะบอกว่า เข้าทุติยฌาน แต่บอกว่า เข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโมหะ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 237
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า จิตของ ข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๒)
... แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
สัพพมูลกนัย
บทว่า บอก คือภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้า ปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน สุญญตวิโมกข์ อนิมิตตวิโมกข์ อัปปณิหิตวิโมกข์ สุญญตสมาธิ อนิมิตตสมาธิ อัปปณิหิตสมาธิ สุญญตสมาบัติ อนิมิตตสมาบัติ อัปปณิหิตสมาบัติ วิชชา ๓ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ โสดา - ปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตตผลแล้ว ราคะข้าพเจ้าสละแล้ว คายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว โทสะข้าพเจ้า สละแล้ว ... โมหะข้าพเจ้าสละแล้ว ... จิตของข้าพเจ้าเปิดจากราคะ และจิต ของข้าพเจ้าเปิดจากโทสะ แต่บอกว่า จิตของข้าพเจ้าเปิดจากโมหะ ... เมื่อ เขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
(๑) หมายถึงประสงค์จะบอกว่าเข้าตติยฌาน แต่บอกว่าเข้าจตุตถฌาน เข้าวิโมกข์ เข้าสมาธิ เข้าสมาบัติ ตลอดถึงจิตเปิดจากโทสะ.
(๒) หมายถึงประสงค์จะบอกว่าจิตเปิดจากโมหะ แต่บอกว่าเข้าทุติยฌาน ตติยฌาน เป็นต้น ไปถึงจิตเปิดจากราคะ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 238
บอกเข้าทุติยฌานและตติยฌาน
[๓๓๗] บทว่า บอก คือ ภิกษุประสงค์จะบอกแก่อนุปสัมบันว่า ข้าพเจ้าเข้าทุติยฌานและตติยฌานแล้ว ... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าจตุตถฌาน แล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้องอาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... แต่บอกว่า ข้าพเจ้าเข้าปฐมฌานแล้ว ... เมื่อเขาเข้าใจ ต้อง อาบัติปาจิตตีย์ เมื่อไม่เข้าใจ ต้องอาบัติทุกกฏ.
บอกภิกษุอื่นเข้าปฐมฌาน
[๓๓๘] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดอยู่ ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งทุติยฌาน ... ติยฌาน ... จตุตถฌาน ... สุญญตวิโมกข์ ... อนิมิตตวิโมกข์ ... อัปปณิหิตวิโมกข์ ... สุญญตสมาธิ ... อนิมิตตสมาธิ ... อัปปณิหิตสมาธิ ... สุญญตสมาบัติ ... อนิมิตทสมาบัติ ... อัปปณิหิตสมาบัติ ... วิชชา ๓ ... สติปัฏฐาน ๔ ... สัมมัปปธาน ๔ ... อิทธิบาท ๔ ... อินทรีย์ ๕ ... พละ ๕ ... โพชฌงค์ ๗ ... อริยมรรคมีองค์ ๘ ... โสดาปัตติผล ... สกทาคามิผล ... อนาคามิผล ... อรหัตตผล ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ราคะภิกษุนั้นสละแล้ว ตายแล้ว ปล่อยแล้ว ละแล้ว สลัดแล้ว เพิกแล้ว ถอนแล้ว ... โทสะภิกษุนั้นสละ แล้ว ... โมหะภิกษุนั้นสละแล้ว ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
(๑) ที่ ฯลฯ และนี้ ... ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า ๕๔๔ ข้อ ๒๗๙
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 239
... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน จิตของภิกษุนั้นเปิดจากราคะ ... ต้อง อาบัติทุกกฏ.
... จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโทสะ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... จิตของภิกษุนั้นเปิดจากโมหะ ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... ภิกษุใดอยู่ในวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ใด เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสัญญาคาร ... ซึ่งทุติยฌาน ในสุญญาคาร ... ซึ่งตติยฌานในสุญญาคาร ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดใช้สอยวิหาร ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... ภิกษุใดใช้สอยวิหารของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้ แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌานในสุญญาคาร ... ต้อง อาบัติทุกกฏ.
... ทุติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... ตติยฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของ ท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
(๑) ที่ ฯลฯ และ ... นี้ ผู้ต้องการทราบพิสดารพึงดูในเล่ม ๑ ภาค ๒ หน้า ๕๔๔ ข้อ ๒๗๙
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 240
ภิกษุใดนุ่งห่มจีวรของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติ ทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดบริโภคบิณฑ- บาตของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... ภิกษุใดบริโภคบิณฑบาตของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะ ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... ภิกษุใดใช้สอยเสนาสนะของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้า ได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ภิกษุใดบริโภคเครื่องยา อันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็น ผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
(๑) ที่ ฯลฯ และ ... ไว้นี้ พึงทราบตามนัยแห่งจตุตถปาราชิกโน้นเถิด.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 241
... ภิกษุใดบริโภคเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่าน ภิกษุนั้น เข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๓๓๙] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า วิหารของท่าน อันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... วิหารของท่านอันภิกษุใดอาศัยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า จีวรของท่านอันภิกษุใด ใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... จีวรของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌาน ในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสันบันว่า บิณฑบาตของท่านอัน ภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ ได้ เป็นผู้ ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ (๑)
... บิณฑบาตของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานนสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
(๑) ที่ ฯลฯ ไว้นี้ พึงทราบตามนัยแห่งจตุตถปาราชิกโน้นเถิด.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 242
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า เสนาสนะของท่านอัน ภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
... เสนาสนะของท่านอันภิกษุใดใช้สอยแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า เครื่องยาอันเป็นปัจจัย ของภิกษุไข้ของท่านอันภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้ แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
... เครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้ของท่านอัน ภิกษุใดบริโภคแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
[๓๔๐] บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัย ภิกษุใด ได้ถวายวิหารแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายวิหารแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานในสุญญาคาร.. ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใดได้ ถวายจีวรแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 243
... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายจีวรแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
... บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ ถวายบิณฑบาตแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ดังนี้ ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายบิณฑบาตแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใดได้ ถวายเสนาสนะแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายเสนาสนะแล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่ง จตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
บทว่า บอก คือ ภิกษุบอกแก่อนุปสัมบันว่า ท่านอาศัยภิกษุใดได้ ถวายเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้แล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว เข้าอยู่ เข้าได้ แล้ว เป็นผู้ได้ เป็นผู้ชำนาญ ทำให้แจ้ง ซึ่งปฐมฌาน ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
... ท่านอาศัยภิกษุใด ได้ถวายเครื่องยาอันเป็นปัจจัยของภิกษุไข้แล้ว ภิกษุนั้นเข้าแล้ว ... ซึ่งจตุตถฌานในสุญญาคาร ... ต้องอาบัติทุกกฏ.
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 244
อนาปัตติวาร
[๓๔๑] ภิกษุบอกอุตริมนุสธรรมที่มีจริง แก่อุปสัมบัน ๑ ภิกษุ อาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.
มุสาวาทวรรค สิกขาบทที่ ๘ จบ
มุสาวาทวรรค ภูตาโรจนสิกขาบทที่ ๘
พึงทราบวินิจฉัย ในสิกขาบทที่ ๘ ดังต่อไปนี้.
[แก้อรรถปฐมบัญญัติ เรื่องภิกษุพวกฝั่งแม่น้ำวัคคุมุทา]
คำใดที่ข้าพเจ้าควรจะกล่าวก่อนในวัตถุกถา, คำนั้นทั้งหมด มีนัยดัง ที่กล่าวแล้วในจตุตถปาราชิกวรรณนานั่นแล. ส่วนความแปลกกัน ดังต่อไปนี้. ในจตุตถปาราชิกนั้น พวกภิกษุบอกอุตริมนุสธรรมอันไม่มีจริง ในสิกขาบทนี้ บอกอุตริมนุสธรรมที่มีจริง. ปุถุชนทั้งหลาย บอกอุตริมนุสธรรมแม้ที่มีจริง. อริยเจ้าทั้งหลายไม่บอก. จริงอยู่ ชื่อว่า ปยุตตวาจา (วาจาที่เปล่งเพราะเหตุ แห่งท้อง) ไม่มีแก่พระอริยเจ้าทั้งหลาย. แต่เมื่อผู้อื่น บอกคุณของตนเอง ท่านก็ไม่ห้ามคนเหล่าอื่น และยินดีปัจจัยทั้งหลายที่เกิดขึ้น โดยอาการที่ไม่ ทราบว่าเกิดขึ้น (เพราะการบอกคุณของตน).
ก็ในคำว่า อถโข เต ภิกฺขุ ภควโต เอตมตฺถํ อาโรเจสุํ เป็นต้น บัณฑิตพึงทราบว่า ภิกษุทั้งหลายเหล่าใด กล่าวคุณแห่งอุตริมนุสธรรม ภิกษุเหล่านั้น ได้กราบทูลแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย คุณวิเสสของพวกเธอ มีจริงหรือ? ก็ภิกษุเหล่านั้นแม้ทั้งหมดทูล รับปฏิญาณว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า! มีจริง, เพราะว่า อุตริมนุสธรรม
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 245
มีจริงในภายใน แม้แห่งพระอริยเจ้าทั้งหลาย เพราะฉะนั้น ครั้งนั้น พระผู้มี พระภาคเจ้าจึงไม่ตรัสว่า โมฆปุริสา เพราะภิกษุเหล่านั้นปะปนด้วยพระอริยะ ตรัสว่า กถญฺหิ นาม ตุมฺเห ภิกขเว แล้ว จึงตรัสคำมีอาทิว่า อุทรสฺส การณา ดังนี้.
ในคำมีคำว่า กถญฺหิ นาม ตุมฺเห ภิกฺขเว เป็นต้นนั้น เพราะ พระอริยเจ้าทั้งหลาย ฟังคำของตนเหล่าอื่น ถูกพวกชาวบ้านผู้มีความเลื่อมใส ถามอยู่ โดยนัยเป็นต้นว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ! ได้ยินว่า พระผู้เป็นเจ้า เป็น โสดาบันหรือ! ดังนี้ มีปกติเห็นว่าไม่มีโทษ ในเมื่อสิกขาบทที่พระผู้มีพระภาคเจ้ายังไม่ได้ทรงบัญญัติ จึงปฏิญาณการบรรลุคุณวิเสส ของตนและของ คนเหล่าอื่น เพราะเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์, และท่านเหล่านั้น เมื่อปฏิญาณอย่างนี้ แม้ยินดีอยู่ซึ่งบิณฑบาตที่ปุถุชนเหล่าอื่นกล่าวคุณแห่งอุตริมนุสธรรมเพราะเหตุ แห่งท้องให้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยความเป็นผู้มีจิตบริสุทธิ์ จึงเป็นเหมือนกล่าวคุณ แห่งอุตริมนุสธรรม เพราะเหตุแห่งท้อง; ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัส โดยสัพพสังคาหิกนัยนั่นแลว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย! ไฉนพวกเธอจึงได้กล่าว ชมอุตริมนุสธรรมของกันและกัน แกคฤหัสถ์ทั้งหลาย เพราะเหตุแห่งท้องเล่า? ดังนี้. คำที่เหลือเป็นเช่นเดียวกับเรื่องจตุตถปาราชิกทั้งนั้นแล.
แม้ในวิภังค์แห่งสิกขาบท ในจตุตถปาราชิกนั้น เป็นปาราชิกกับ ถุลลัจจัยอย่างเดียว, ในสิกขาบทนี้ เป็นปาจิตตีย์และทุกกฏ เพราะเป็นคุณ มีจริง, นี้เป็นความแปลกกัน. บทที่เหลือ มีนัยดังกล่าวแล้ว นั่นแล. คำว่า บอกคุณวิเสสที่มีจริง แก่อนุปสัมบัน (นี้) ท่านกล่าวหมายเอาอุตริมนุสธรรม นั่นเอง. จริงอยู่ ภิกษุผู้ถูกรบเร้าถามในเวลาปรินิพพานและในกาลอื่น จะ บอกคุณที่มีจริงแก่อุปสัมบันก็ควร. อนึ่ง จะบอกคุณ คือ สุตะ ปริยัติ และศีล
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ทุติยภาค เล่ม ๒ - หน้า 246
แม้แก่อนุปสัมบันก็ควร, ไม่เป็นอาบัติแก่ภิกษุผู้เป็นต้นบัญญัติ, แต่คำว่า อุมฺมตฺตกสฺส นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้ามิได้ตรัสไว้ในสิกขาบทนี้. เพราะเหตุไร? ท่านวิจารณ์ไว้ในอรรถกถามหาปัจจรีว่า เพราะท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฏฐิ ไม่มี ความบ้า หรือจิตฟุ้งซ่าน ดังนี้. แต่ท่านผู้ได้ฌาน พึงเป็นบ้าได้ในเมื่อฌาน เสื่อม. แม้สำหรับท่านผู้นั้นก็ไม่ควรกล่าวอนาบัติ ซึ่งมีการบอกฌานที่มีจริง เป็นปัจจัย เพราะฌานที่มีจริงนั่นแหละไม่มีฉะนี้แล บทที่เหลือมีอรรถตื้น ทั้งนั้นแล.
สิกขาบทนี้ ชื่อว่า ภูตาโรจนสิกขาบท เกิดขึ้นโดยสมุฏฐาน ๓ ที่ มิได้ตรัสไว้ในเบื้องต้น คือ ทางกาย ๑ ทางวาจา ๑ ทางกายกับวาจา ๑ เป็นกิริยา ในสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต ๒ โดยเป็นกุศลจิตกับอัพยากตจิต มีเวทนา ๒ โดยเป็นสุขเวทนา กับ อุเบกขาเวทนา ฉะนี้แล.
ภูตาโรจนสิกขาบทที่ ๘ จบ