วันวิสาขบูชานี้เป็นวันที่พระมหาสัตว์ทรงถึงที่สุดแห่งการบำเพ็ญพระบารมี คือ ทรงแทงตลอดพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ อันเกิดได้ยากที่สุดในสังสารวัฏฏ์ เหตุสำคัญที่ทำให้พระองค์ บรรลุเป็นพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะทรงบำเพ็ญบารมี 10 มหาบริจาค 5 และ จริยา 3 ซึ่งในวันนี้เองเมื่อสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปป์ที่แล้ว นางสุมิตตาได้ตั้งจิตอธิฏฐานขออุทิศขันธสันดานของตนเป็นวัตถุทานเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าทีปังกรและสุเมธดาบส เพื่อให้ทารทานอันเป็นส่วนสำคัญในมหา-บริจาค 5 ของพระมหาสัตว์นั้นบริบูรณ์ สมจริงดังพระบาลีในยโสธราเถรีอปทานที่กล่าวว่า....ข้าแต่พระมหาวีรเจ้า หม่อมฉันงดเว้นอนาจารในสถานที่ไม่ควร แม้ชีวิตก็ยอมสละเพื่อประโยชน์แก่พระองค์ได้ ข้าแต่พระมหามุนี พระองค์ประทานหม่อมฉันให้เป็นภรรยาผู้อื่นหลายพันโกฏิกัปป์ ก็เพื่อประโยชน์แก่พระองค์ หม่อมฉันไม่เคยเสียใจในเรื่องนั้นเลย ..... (พึงศึกษาเพิ่มเติมในคัมภีร์อปทาน) พระนางยโสธราเถรีจึงเป็นบุคคลที่พุทธ-ศาสนิกชนทั้งหลายพึงระลึกถึงพระคุณอันล้นพ้นของพระนาง หากไม่ได้จิตใจที่เด็ด-เดี่ยวของนางสุมิตตาเมื่อสี่อสงไขยยิ่งด้วยแสนกัปป์ที่แล้ว ใครหนอจะเป็นยอมสละตนเองเพื่อเป็นอุปกรณ์แห่งทานบารมีของพระมหาสัตว์ พระนางจึงเป็นผู้มีพระคุณมากจริงๆ เพราะมีพระนางเป็นปัจจัย มหาบริจาค 5 ของพระมหาสัตว์จึงบริบูรณ์ อันเป็นเหตุให้ทรงบรรลุพุทธภาวะใต้ต้นพระศรีมหาโพธิได้ ดังนั้น วันนี้นอกจากเราทั้งหลายจะพึงระลึกถึงพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงอยู่เหนือความอาลัยในโลกีย-ธรรมทั้งปวงแล้ว เราทั้งหลายพึงระลึกถึงหญิงผู้มีจิตใจเด็ดเดี่ยวที่มีนามว่า สุมิตตา หรือพระนางยโสธราเถรีนั่นเอง ช่างน่าอัศจรรย์จริงหนอที่โลกใบนี้มีพระพุทธศาสนาอันมีความงดงาม หามลทินมิได้ มีแต่ความบริสุทธิ์ดุจแก้วที่ช่างเจียระนัยไว้ดีแล้ว คงจะไม่มีใครปฏิเสธได้เลยว่า เมื่อเราระลึกถึงพระผู้มีพระภาคเจ้า มีแต่ความสุขใจ ปราศจากความกังวลทั้งปวง เมื่อระลึกถึงพระสัทธรรมนิกายใดนิกายหนึ่งในห้านิกาย พบแต่ความงดงามอันสะท้อนให้เห็นถึงพระปัญญาอันหาประมาณมิได้ แสดงให้เห็นให้เห็นว่าจิตของพระสุคตเจ้าอยู่เหนือสังขารโลกจริงๆ และเมื่อระลึกถึงพระสงฆ์สาวก อันประกอบด้วยคู่แห่งบุรุษ 4 นำมาซึ่งสัทธินทรีย์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นี้จะทรงมีพระชนมายุสั้น มีพระรัศมีปกติแผ่ซ่านโดยรอบเพียงวาเดียว หรือจะทรงมีสาวกสันนิบาตเพียงครั้งเดียวก็ตาม แต่ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้ศึกษาและทรงจำพระธรรมคำสอนของพระองค์ไว้ได้ รู้สึกดีใจมากจริงๆ ที่ไม่เสียชาติเกิด ช่างน่าประทับใจจริงๆ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ เมื่ออ่านแล้วผมซาบซึ้งและก็ได้กลับไปอ่านใน
พระไตรปิฎกก็ซาบซึ้งขึ้นครับ ซึ่งในวันวิสาขบูชา นางสุมิตตาอันเป็นอดีตชาติของ
พระนางยโสธรา ท่านได้เกิดเป็นพราหมณี ได้ถือดอกบัวมาต้้งใจจะถวายพระพุทธเจ้า
ทีปังกร แต่เมื่อได้เห็นสุเมธดาบสได้รับการพยากรณ์ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า เกิดจิตคิด
บูชาท่านสุเมธดาบสด้วยดอกบัวของตน 8 ดอก ส่วนสุเมธดาบสเมื่อได้ดอกบัวแล้วก็
นำไปบูชาพระพุทธเจ้าทีปังกร วันนี้ช่างเป็นวันพิเศษอัศจรรย์จริงๆ ครับ
เมื่อพระยโสธราเถรีจะปรินิพพานก่อนพระพุทธเจ้าท่านก็ไปกราบทูลลาและท่าน
ก็ได้เล่าเหตุการณ์ในอดีตชาติ รวมทั้งในวันวิสาขบูชาที่ท่านถวายดอกบัว 8 กำ กับ
สุเมธดาบส และท่านก็ได้กล่าวว่าท่านสละชีวิต สละตัวเองและเครื่องประดับเพื่อ
ประโยชน์คือให้พระโพธิสัตว์ได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเท่านั้น ยอมสละความสุขของตนเองเพื่อประโยชน์คือให้พระโพธิสัตว์ได้บรรลุ เป็นการสละที่ยากยิ่งและอนุโมทนาครับ ซึ่งเมื่อผมได้อ่านแล้วประทับใจข้อความหนึ่งที่ท่านพระยโสธราเถรีได้กล่าวถึง
อดีตชาติของท่านว่าที่ท่านยอมสละสุข ทนทุกข์เพื่อประโยชน์คือให้มีการบรรลุ มีความบังเกิดขึ้นของพระพุทธเจ้า ข้อความที่ว่า
[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้าที่ 646
ข้าแต่พระมหามุนี หม่อมฉันได้รับสุข
ย่อมอนุโมทนา และในคราวที่ได้รับทุกข์ ก็ไม่
เสียใจ เป็นผู้ยินดีแล้วในที่ทุกแห่งเพื่อประโยชน์
แก่พระองค์
เชิญคลิกอ่านในเรื่องราวของพระนางยโสธราเถรีได้ที่นี่ครับ
อดีตชาติพระนางยโสธราเถรีกับวิสาขบูชา [อปทาน] อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
สาธุ อนุโมทนาครับ
:)
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผู้ใช้นามว่าสัมภเวสี และ ทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ