[เล่มที่ 58] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 304
๘. มัจฉทานชาดก
ว่าด้วยบุญที่ให้ทานแก่ปลา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 58]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 304
๘. มัจฉทานชาดก
ว่าด้วยบุญที่ให้ทานแก่ปลา
[๔๖๓] ปลาทั้งหลายมีราคาถึงหนึ่งพันกหาปณะกับ ๗ มาสก ย่อมจะไม่มีผู้เชื่อถือเลย และในที่นี้เราก็มี ๗ มาสกเท่านั้น แต่เราก็ซื้อปลาพวงนั้นได้.
[๔๖๔] ท่านได้ให้โภชนะแก่ปลาทั้งหลาย แล้วอุทิศส่วนบุญให้แก่เรา เราระลึกถึงส่วนบุญอันนั้น และความนอบน้อมที่ท่านได้กระทําแล้ว จึงรักษาทรัพย์ของท่านนี้ไว้.
[๔๖๕] บุคคลผู้มีจิตคิดประทุษร้าย ย่อมไม่มีความเจริญเลย ใช่แต่เท่านั้น เทวดาทั้งหลายไม่บูชาผู้นั้น ผู้ใดทํากรรมอันชั่วช้า ยักยอกเอาทรัพย์มรดกของบิดา ไม่ต้องการจะให้พี่ชาย เทวดาทั้งหลายย่อมไม่บูชาผู้นั้น.
จบ มัจฉทานชาดกที่ ๘
อรรถกถามัจฉทานชาดกที่ ๘
พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงปรารภพ่อค้าโกงคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้มีคําเริ่มต้นว่า อคฺฆนฺติ มจฺฉาดังนี้. เรื่องนี้ได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั้นแล.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 305
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลกฎมพี พอรู้เดียงสาก็รวบรวมทรัพย์สมบัติไว้. และพระโพธิสัตว์นั้นมีน้องชายอยู่คนหนึ่ง.ในกาลต่อมา เมื่อบิดาของคนทั้งสองนั้นทํากาลกิริยาไปแล้ว วันหนึ่งพี่น้องทั้งสองนั้นคิดกันว่า พวกเราจักชําระสะสางการค้าขายอันเป็นของบิดาให้เรียบร้อยเสียที จึงไปยังบ้านหนึ่ง ได้ทรัพย์พ้นกหาปณะแล้วกลับมา บริโภคอาหารห่อแล้วรอเรืออยู่ที่ท่าแม่น้ำ.พระโพธิสัตว์ได้ให้อาหารที่เหลือแก่ปลาทั้งหลายในแม่น้ำคงคาแล้วให้ส่วนบุญแก่เทวดาประจําแม่น้ำ. เทวดาพออนุโมทนาส่วนบุญเท่านั้นก็เจริญพอกพูนด้วยยศอันเป็นทิพย์ จึงรําพึงถึงความเจริญยศของตนก็ได้รู้ถึงเหตุนั้น. ฝ่ายพระโพธิสัตว์ลาดผ้าห่มลงบนทรายนอนหลับไป.ส่วนน้องชายของพระโพธิสัตว์นั้น มีปกตินิสัยค่อนข้างเป็นโจรอยู่บ้างเขาจึงทําห่อกรวดเข้าห่อหนึ่งให้เหมือนห่อกหาปณะ แล้ววางทั้งสองไว้รวมกัน เพราะประสงค์จะไม่ให้กหาปณะเหล่านั้นแก่พระโพธิสัตว์จะถือเอาเสียเองคนเดียว. เมื่อพี่น้องทั้งสองนั้นขึ้นเรือไปถึงกลางแม่น้ำคงคา น้องชายทําเรือให้โคลงแล้วคิดว่าเราจะโยนห่อกรวดทิ้งน้ำกลับโยนห่อทรัพย์พันกหาปณะลงไปเก็บช่อนห่อกรวดไว้ แล้วกล่าวว่าคุณพี่ ห่อทรัพย์พันกหาปณะตกน้ำไปแล้ว เราจะทําอย่างไรกัน.พระโพธิสัตว์กล่าวว่า เมื่อมันตกน้ำไปแล้ว พวกเราจักกระทําอย่างไรได้ อย่าคิดมันเลย. เทวดาประจําแม่น้ำคิดว่า เราอนุโมทนาส่วนบุญที่
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 306
พระโพธิสัตว์นี้ให้ จึงเจริญด้วยยศทิพย์เราจักรักษาทรัพย์อันเป็นของพระโพธิสัตว์นี้ไว้ จึงบันดาลให้ปลาปากกว้างตัวหนึ่ง กลิ่นห่อทรัพย์นั้นไว้ด้วยอานุภาพของตน ตนเองถือการอารักขาอยู่. ฝ่ายน้องชายผู้เป็นโจรแม้นั้นแล ไปถึงเรือนแล้วคิดว่า เราลวงพี่ชายได้แล้ว จึงแก้ห่อออกเห็นแต่กรวด มีหัวใจเหี่ยวแห้ง นอนกอดแม่แคร่เตียงอยู่.ในกาลนั้น พวกชาวประมงได้ทอดแหเพื่อจับปลา. ปลาตัวนั้นได้เข้าไปติดแหด้วยอานุภาพของเทวดา. พวกชาวประมงจับปลานั้นได้แล้วจึงเข้าไปยังพระนครเพื่อจะขายปลา. คนทั้งหลายเห็นปลาใหญ่จึงถามราคา. ชาวประมงกล่าวว่า ท่านให้ทรัพย์หนึ่งพันกหาปณะกับเจ็ดมาสก แล้วจงถือเอาปลานั้นไป. พวกประชาชนทําการหัวเราะเยาะว่าแหมปลาราคาทั้งพันไม่เคยเห็น. พวกชาวประมงจึงถือเอาปลาไปยังประตูเรือนของพระโพธิสัตว์กล่าวว่า ท่านจงถือเอาปลาตัวนี้. พระโพธิสัตว์ถามว่า ปลานี้ราคาเท่าไร? ชาวประมงกล่าวว่า ท่านให้เจ็ดมาสกแล้วเอาไปเถอะ. พระโพธิสัตว์ถามว่า พวกท่านเมื่อให้แก่คนอื่นให้อย่างไร? พวกชาวประมงกล่าวว่า ให้แก่คนอื่น ๑ พันกับ ๗มาสก แต่ท่านให้๗ มาสก แล้วเอาไปเถิด. พระโพธิสัตว์ให้พวกชาวประมงไป ๗ มาสก แล้วส่งปลาให้แก่ภรรยา. ภรรยาผ่าท้องปลาเห็นห่อทรัพย์พันกหาปณะ จึงมอบแก่พระโพธิสัตว์. พระโพธิสัตว์ตรวจดูห่อทรัพย์นั้นเห็นตราของตน ก็รู้ว่าเป็นของตน จึงคิดว่าบัดนี้ ชาวประมงเหล่านี้เมื่อให้ปลาตัวนี้แก่คนอื่น ก็ให้ถึง ๑ พัน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 307
กหาปณะกับ ๗ มาสก แต่พอมาถึงเราเข้าไม่พูดถึงพันเลย ได้ให้เอาเพียง ๗ มาสกเท่านั้น เพราะพันกหาปณะนั้นเป็นของของตน เราไม่อาจให้ใครๆ ผู้ไม่รู้เหตุการณ์นี้เชื่อถือได้ จึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า
ปลาทั้งหลายมีราคา ๑ พันกหาปณะกับ ๗ มาสก ย่อมจะไม่มีผู้เชื่อถือเลย และในที่นี้ เราก็มี ๗ มาสกเท่านั้น แต่ก็ซื้อปลาพวงนั้นได้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อธิกํ ความว่า ชาวประมงถูกคนอื่นถามย่อมกล่าวว่า ปลาทั้งหลายมีราคา ๑ พันกหาปณะกับอีก ๗มาสก. บทว่า น โส อตฺถิ โย อิมํ สทฺทเหยฺย ความว่า คนที่ไม่รู้เหตุการณ์นี้โดยประจักษ์จะเชื่อถือคําของเรา ย่อมไม่มี หรือว่าคนที่จะเชื่อคํานี้ที่ว่า ปลาทั้งหลายมีราคาประมาณเท่านี้ ย่อมไม่มี.เพราะเหตุนั้นแหละ คนอื่นๆ จึงไม่ถือเอาปลาเหล่านั้น. บทว่ามยฺหฺจ อสฺสู ความว่า อนึ่ง เราก็มี๗ มาสกเท่านั้น. บทว่ามจฺฉทานํ แปลว่า พวงปลา. เพราะว่า เขาผูกปลา แม้อื่นๆ รวมกับปลาตัวนั้น ท่านหมายเอาพวงปลาแม้ทั้งสิ้นนั้น จึงกล่าวคําว่ามจฺฉทานํ ได้แก่พวงปลานั้น บทว่า กิเณยฺยํ แปลว่า เราซื้ออธิบายว่า เราให้๗ มาสกเท่านั้น ถือเอาพวงปลามีประมาณเท่านี้ได้.ก็แหละ พระโพธิสัตว์ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว จึงคิดดังนี้ว่าเพราะอาศัยอะไรหนอ เราจึงได้กหาปณะเหล่านี้. ขณะนั้น เทวดา
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 308
ประจําแม่น้ำแสดงรูปร่างให้ปรากฏ ยืนอยู่ในอากาศกล่าวว่า เราเป็นเทวดาประจําอยู่ในแม่น้ำคงคา ท่านให้อาหารส่วนเกินแก่ปลาทั้งหลายแล้วให้ส่วนบุญแก่เรา ด้วยเหตุนั้น เราจึงมาอารักขาทรัพย์ของท่านไว้ เมื่อจะแสดงความให้แจ่มแจ้ง จึงกล่าวคาถาว่า :-
ท่านได้ให้โภชนะแก่ปลาทั้งหลาย แล้วอุทิศส่วนบุญให้แก่เรา เราระลึกถึงส่วนบุญอันนั้น และความนอบน้อมที่ท่านกระทําแล้วจึงรักษาทรัพย์ของท่านนี้ไว้.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทกฺขิณํ ความว่า การให้ส่วนบุญชื่อว่า ทักษิณา ในที่นี้ . บทว่า กตํ อปจิตึ ตยา ความว่า เราระลึกถึงความนอบน้อมที่ท่านกระทําแก่เรานั้น จึงรักษาทรัพย์ของท่านนี้ไว้.
ก็แหละ เทวดาประจําแม่น้ำนั้น ครั้นกล่าวคาถานี้แล้ว จึงบอกการคดโกงที่น้องชายกระทําทั้งหมดแก่พระโพธิสัตว์นั้น แล้วกล่าวว่า บัดนี้น้องชายของท่านั้นมีหัวใจเหี่ยวแห้งนอนอยู่ ชื่อว่าความเจริญย่อมไม่เกิดแก่คนผู้มีจิตประทุษร้าย อันเราคิดว่า ทรัพย์อันเป็นของท่านอย่าได้พินาศฉิบหายเสีย จึงได้นําทรัพย์นั้นมาให้ท่านท่านอย่าให้ทรัพย์นี้แก่น้องชายโจรของท่าน จงถือเอาผู้เดียวทั้งหมดเถิด แล้วกล่าวคาถาที่ ๓ ว่า :-
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ชาดก เล่ม ๓ ภาค ๔ - หน้า 309
บุคคลผู้นี้จิตคิดประทุษร้าย ย่อมไม่มีความเจริญเลย ใช่แต่เท่านั้น เทวดาทั้งหลายก็ไม่บูชาผู้นั้น ผู้ใดทํากรรมอันชั่วช้า ยักยอกเอาทรัพย์มรดกของบิดา ไม่ต้องการให้พี่ชายเทวดาทั้งหลายย่อมไม่บูชาผู้นั้น.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า น ผาติ โหติ ความว่า ชื่อว่าความเจริญในโลกนี้หรือในโลกหน้า ย่อมไม่มีแก่บุคคลเห็นปานนั้น.บทว่า น จาปิ นํ ความว่า เทวดาทั้งหลายผู้อารักขาสมบัติของพระโพธิสัตว์นั้น ย่อมไม่บูชาบุคคลนั้น.
ดังนั้น เทวดาผู้ไม่ประสงค์จะให้กหาปณะแก่โจรผู้ประทุษร้ายมิตร จึงกล่าวอย่างนั้น. ส่วนพระโพธิสัตว์คิดว่า เราไม่อาจกระทําอย่างนั้น จึงได้ส่งทรัพย์จํานวน ๕๐๐ ไปให้แก่น้องชายผู้เป็นโจรแม้นั้น.
พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจจะทั้งหลายแล้วทวงประชุมชาดก. ในเวลาจบสัจจะ พ่อค้าดํารงอยู่ในโสดาปัตติผล. น้องชายในครั้งนั้น ได้เป็นพ่อค้าโกงในบัดนี้. ส่วนพี่ชายในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถามัจฉทานชาดกที่ ๘