ก. บัญญัติไม่ใช่ของจริงหรือ บัญญัติก็มาจากปรมัตถ์หลายๆ อย่าง อ่อน แข็งเย็น ร้อน สี กลิ่น รส รวมกัน เป็นกลุ่ม เป็นวัตถุ มีสีอย่างนั้น สัณฐานอย่างนั้นหรือว่ามีรูปร่างสัณฐานอย่างนั้นก็เป็นบุคคลนั้น บัญญัติก็มาจากปรมัตถ์
สุ. ที่จะรู้ได้ว่าบัญญัติไม่ใช่ปรมัตถธรรมนั้น จะต้องแยกปรมัตถธรรมที่เกิดรวมกันออกเป็น ปรมัตถธรรมแต่ละลักษณะ ที่ปรากฏแต่ละทวาร และต้องประจักษ์การเกิดดับของรูปที่ปรากฏแต่ละทวาร สภาวรูปทุกรูปมีอายุเพียง ๑๗ ขณะจิตแล้วก็ดับ รูปที่เกิดมาชั่ว ๑๗ ขณะจิตนั้น ยังไม่ทันยืนหรือเดิน หรือทำอะไรทั้งนั้นเพราะที่ยกมือขึ้นก็เกิน ๑๗ ขณะจิตแล้ว
ฉะนั้น ที่เห็นเป็นคนเดิน หรือเห็นเป็นคนยกมือก็แสดงให้เห็นว่า รูปดับแล้วเกิดสืบต่อปรากฏทั้งทางจักขุทวารวิถี และมโนทวารวิถีหลายวาระ โดยมีภวังค์คั่นจนปรากฏเป็นคนกำลังเดินหรือกำลังยกมือ แต่ตามความเป็นจริง ๑๗ ขณะจิตนั้นเร็วมาก ซึ่งพิจารณาเข้าใจ ตามได้ว่ารูปที่ปรากฏทางตาซึ่งมีอายุ ๑๗ ขณะจิตนั้นต้องดับก่อนที่จะได้ยินเสียง ทั้งๆ ที่ปรากฏเสมือนว่าทั้งได้ยินและทั้งเห็นด้วยนั้น แต่ระหว่างจิตได้ยินกับจิตเห็นนั้นก็ห่างกันเกินกว่า ๑๗ ขณะจิต ฉะนั้น รูปที่กำลังปรากฏทางตาขณะนี้ซึ่งมีอายุ ๑๗ ขณะจิตต้องดับไปก่อนจิตได้ยินจึงเกิดขึ้นได้
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ