ความหลงลืมซึ่งมีเป็นปกติในชีวิตประจำวันของผู้ที่ไม่ได้ศึกษาธรรม ผู้ไม่เข้าใจธรรม แม้ผู้ที่ฟังพระธรรมเข้าใจก็ยังหลงลืมอยู่เป็นประจำ ก็เพราะ สะสมความไม่รู้ ... สะสมกิเลสมามากมายตั้งแต่อดีต ซึ่งเป็นเหตุให้ในชีวิตประจำวันหลงลืมเป็นปกติ ... ไม่ว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำงาน ทานอาหาร พูดคุยกับเพื่อน ดูทีวี บางท่านกำลังทำอาหารอยู่ด้วยควาหลงลืม ... แว่วเสียงธรรม ทำให้เกิดคิดถึงธรรมที่ได้ฟังที่ได้เข้าใจมา บางคนอยู่ที่ตลาด กำลังหาซื้อของอยู่ด้วยความหลงลืม ... แว่วเสียงธรรมทำให้เกิดตรึกนึกถึงธรรมได้ บางคนกำลังเย็บปักถักร้อยอยู่ ... แว่วเสียงธรรมทำให้เกิดระลึกได้ บางท่านอยู่ในงานสังสรร งานแต่งงาน ผู้คนสวยงาม เครื่องประดับมากมายทำ ให้เพลิดเพลินไป ... แว่วเสียงธรรมเตือนให้ไม่หลงลืม ตรึกถึงธรรมแท้จริงเห็นเพียงสิ่ง ที่กำลังปรากฏเกิดขึ้นชั่วขณะเดียว แล้วดับไป หาสาระอะไรไม่ได้เลยกับสิ่งที่เพียงปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น ควรหรือที่จะเพลิดเพลิน แต่ทั้งหมดก็เกิดขึ้นเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ไม่มีใครบังคับบัญชาได้ สภาพธรรมเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย ... จนกว่า แว่วเสียงธรรม ทำให้รู้ว่าการสนทนาธรรมซึ่งเป็นเหตุให้เข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ว่าเห็น ได้ยิน ... และคิดนึก เพราะว่ายังขาดความเข้าใจในลักษณะสภาพธรรม จึงหลงลืมเป็นประจำ จึงต้องฟังบ่อยๆ เนืองๆ ในสิ่งที่มีจริงที่กำลังปรากฏ
ท่านอาจารย์กล่าวว่า เห็นแล้วเข้าใจ กับเห็นแล้วไม่เข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตาก็คือเพียงลักษณะปรากฏให้เห็นได้เท่านั้น แม้จะยังไม่สามารถรู้ได้เพราะความเข้าใจยังไม่มากพอ แต่เห็นแล้วเข้าใจ กับเห็นแล้วไม่เข้าใจ อย่างไหนดีกว่า
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่งค่ะ...
กราบอนุโมทนาค่ะ
ถ้าสนใจ ใส่ใจฟังธรรม ศึกษาธรรม ก็จะเป็นโอกาสของสติเกิดบ้าง ซึ่งต่างจากหลงลืมสติ ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ