เรื่องที่สงสัยขอแยกเป็นประเด็นข้อๆ ดังนี้เพื่อให้สะดวกแก่ผู้ตอบนะครับ
1. สัมมาสติทำไมไม่อยู่ในหมวดของปัญญา อย่างเช่นการพิจารณาให้เห็น ความเสื่อมไป ของกาย เวทนา จิต ธรรม ตรงนี้มันเป็นวิปัสสนาไม่ใช่หรือครับ
2. สัมมาสติ กับ สัมมาสมาธิ สัมพันธ์กันอย่างไรครับ
3. มรรค 8 จำเป็นต้องเรียงลำดับในการปฏิบัติหรือไม่ครับ
4. ตามความเข้าใจของผม ตราบใดที่มีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน แล้วการเพ่งฌาน เพ่งสมาธิ ก็เป็นสัมมาสมาธิ อย่าง การเพ่งกสินเพื่อให้เกิดความสงบ เมื่อความสงบคลายออกมาแล้วก็นำจิตที่ยังมีคุณภาพอยู่ในตอนนั้นมาพิจารณาธรรม อย่างนี้ถูกต้องหรือไม่ครับ
5. จากข้อ 4. ที่สงสัยเพราะบางท่านบอกว่าพวกกสินบ้าง พวกเพ่งคำบริกรรมเช่น พุทโธ บ้าง เป็นสมาธิ ฤาษี แต่ผมเข้าใจว่าคงไม่ใช่ ถ้าเรามีสัมมาทิฏฐิเป็นประธาน คือเราทำสมาธิเพื่อเป็นฐานเจริญปัญญาต่อไป ซึ่งพวกฤาษีเขาไม่มีตรงนี้ ภาวนาเพื่อหวังเป็นพรหมบ้าง เทวดาบ้างเป็นต้น ดังนี้ผมเข้าใจถูกต้องหรือไม่ครับ เคยอ่านธรรมบทผ่านตาเรื่องพระลูกชายนายช่างทองลูกศิษย์พระสารีบุตร
พระพุทธองค์ท่านทรงทราบอุปนิสัย จึงทรงเนรมิตดอกบัวสีแดงและให้ท่านบริกรรมโลหิกังๆ ๆ พลางเพ่งดอกบัวไปด้วย และต่อมาเมื่อเห็นว่าท่านสงบดีแล้ว พระพุทธองค์จึงทรงเนรมิตดอกบัวให้เหี่ยว ต่อมาท่านก็บรรลุธรรม ดังนี้เป็นต้น ดังนี้ ก็จัดเป็นกสินสีแดงนี่ครับ
ปกติแล้วผมไม่ได้อ่านทฤษฎีลงรายละเอียดมากนัก แต่จะอ่านพอประมาณและปฏิบัติไปด้วย เข้าใจแต่ว่า ศีล สมาธิ ปัญญา สงบแล้วพิจารณา หรือพิจารณาแล้วสงบ ให้ทำไปๆ จนสิ้นสงสัย เข้าใจแต่เพียงเท่านี้ แต่เมื่อเกิดข้อสงสัยขึ้นมา และเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ตน จึงอยากมาขอความรู้แก่พวกท่านทั้งหลาย
สุดท้ายขอให้เจริญในธรรมทุกท่านนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ต้องได้ฟังได้ศึกษาด้วยความเคารพละเอียดรอบคอบและมีจุดประสงค์ที่ถูกต้อง จึงจะมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตรงตามความเป็นจริงได้ คิดธรรมเองไม่ได้
1. สัมมาสติทำไมไม่อยู่ในหมวดของปัญญา อย่างเช่นการพิจารณาให้เห็น ความเสื่อมไป ของกาย เวทนา จิต ธรรม ตรงนี้มันเป็นวิปัสสนาไม่ใช่หรือครับ
-ขณะที่สัมมาสติเกิด ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ขณะนั้น ไม่ได้ปราศจากปัญญาเลย แต่สติ ไม่ใช่ปัญญา ปัญญาก็ไม่ใช่สติ เป็นสภาพธรรมคนละประเภทกัน สัมมาสติ เป็นฝักฝ่ายของความสงบจากกิเลส ที่มีความเพียรชอบ และความตั้งมั่นชอบ ด้วย แต่ถ้าไปทำ ไปจดจ้อง ไม่ใช่ปัญญาเลยแม้แต่น้อย
2. สัมมาสติ กับ สัมมาสมาธิ สัมพันธ์กันอย่างไรครับ
-สัมมาสติ กับ สัมมาสมาธิ ในขณะที่เป็นองค์มรรค ซึ่งในเบื้องต้นคือในขณะที่สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ไม่ได้แยกจากกัน เพราะเกิดพร้อมกัน โดยที่สัมมาสติเป็นสภาพธรรมที่ระลึกชอบ คือ ระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ส่วนสัมมาสมาธิ ก็ตั้งมั่นชอบในสิ่งที่สติระลึก นั่นเอง และที่สำคัญ ต้องมีปัญญา (สัมมาทิฏฐิ) เกิดขึ้นรู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ด้วย
3. มรรค 8 จำเป็นต้องเรียงลำดับในการปฏิบัติหรือไม่ครับ
ไม่ใช่เรื่องของความเป็นตัวตนที่จะปฏิบัติ แต่ต้องมีความเข้าใจที่ถูกต้อง เพราะเหตุว่า ในอริยมรรคมีองค์ ๘ องค์ นั้น สำคัญที่จะต้องมีความเห็นถูก คือ ปัญญาหรือสัมมาทิฏฐิ เพราะเหตุว่า เมื่อมีความเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ย่อมเป็นปัจจัยให้คิดถูก วาจา ก็ถูก การกระทำทางกายก็ถูก การงานก็ถูกต้อง เพียรก็ถูก ระลึกก็ถูกคือระลึกตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ และมีความตั้งมั่นที่ถูกต้อง ทั้งหมดทั้งปวง ก็เพราะอาศัยความเห็นถูก เป็นสำคัญ ในอริยมรรคมีองค์ ๘ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงสัมมาทิฏฐิความเห็นถูก ว่า เป็นธรรมที่เป็นอุปการะมากแก่มรรคองค์อื่นๆ ที่เหลือ
และสิ่งที่น่าพิจารณา คือ การที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นนั้น ต้องดำเนินตามหนทางที่ถูกต้อง คือ อริยมรรคมีองค์ ๘ เท่านั้น ซึ่งก็ต้องเริ่มตั้งแต่ในขั้นของการอบรมด้วยการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปตามลำดับ ในขณะที่สติปัฏฐานเกิดระลึกรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ขณะนั้นมรรคมีองค์ ๕ กล่าวคือ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ และสัมมาสมาธิ เกิดขึ้นพร้อมกัน และถ้ามีวิรตีเจตสิกหนึ่งเจตสิกใดเกิดด้วย ก็เป็นมรรคมีองค์ ๖ เป็นการอบรมมรรคอันเป็นโลกิยมรรค ยังไม่ถึงขั้นที่เป็นโลกุตตระ เพราะมรรคทั้ง ๘ องค์จะประชุมพร้อมกันในขณะที่มรรคจิต ผลจิตเกิดขึ้นเท่านั้น ซึ่งถ้าไม่เดินทางตามที่ถูกต้องแล้ว ก็ย่อมไม่มีวันถึงขณะที่มรรคจิตและผลจิต จะเกิดได้เลย
แต่อย่างไรก็ตาม สำคัญที่การอบรมเหตุ คือ การฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ เป็นรากฐานที่ถูกต้องและสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อความเจริญยิ่งขึ้นของปัญญาและนำไปสู่การรู้แจ้งอริยสัจจธรรมดับกิเลสตามลำดับขั้นได้ในที่สุด
คำถามข้อ 4-5
-ถ้าเป็นกิจของปัญญาแล้ว จะไม่นำพาไปในทางที่ผิดโดยประการทั้งปวง แต่ถ้ามีการไปทำ ไปลงมือปฏิบัติ คิดเอาเอง สำคัญว่าถูก นั่น ไม่ใช่ปัญญาหรือสัมมาทิฏฐิเลย แต่เป็นเรื่องของความไม่รู้ ความอยาก และความเห็นผิด
ดังนั้น ที่จะมีความเข้าใจอย่างถูกต้องตั้งแต่ต้นได้ ต้องได้เริ่มฟังคำจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ ค่อยๆ ไตร่ตรองในเหตุในผล สะสมความเข้าใจถูกเห็นถูกไปทีละเล็กทีละน้อย ครับ
...อนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ