ทำบุญอย่างไรครับ จะเกิดมาร่ำรวยเงินทอง หน้าตาดี ปัญญาดี และไม่ลงอบายครับ จากคนที่บาปเยอะต้องทำอย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กุศลเป็นสภาพธรรมที่ดีงาม กุศลแบ่งเป็นใหญ่ๆ อีก 2 อย่าง คือ กุศลที่เป็นฝ่ายมิจฉาปฏิปทา คือ กุศลที่เป็นทางผิด กุศลที่เป็นไปในฝ่ายเกิดนำมาซึ่งความเกิด วนเวียนในสังสารวัฏฏ์ และกุศลฝ่าย สัมมาปฏิปทา คือ กุศลที่เป็นไปในแนวทางที่ถูก อันเป็นไปเพื่อการดับกิเลส ดับการเกิดในสังสารวัฏฏ์ครับ
ดังนั้น กุศลใดที่หวังเพื่อให้ได้ซึ่งรูปเสียง กลิ่น รส สิ่งที่กระทบสัมผัส เป็นไปเพื่อนำมาซึ่งความเกิดในภพภูมิที่ดี หวังเพื่อให้ได้สิ่งที่ดี แม้สภาพธรรมนั้นจะเป็นกุศล แต่กุศลนั้นไม่เป็นไปเพื่อออกจากวัฏฏะ แต่ยิ่งจะนำมาซึ่งการเกิด วนเวียนไปไม่มีที่สิ้นสุด ไม่เป็นกุศลที่เห็นโทษของกิเลส จึงเจริญกุศล เป็นกุศลที่ไม่เห็นโทษของการเกิดด้วยปัญญาจึงทำกุศลเพื่อการได้เกิดในภพภูมิที่ดี ให้ได้สิ่งที่ดี เมื่อเป็นกุศลที่นำมาซึ่งการเกิด ไม่ใช่การดับ ก็เป็นกุศลที่เป็นทางที่ผิด เรียกว่า มิจฉาปฏิปทาครับ
ดังนั้นตามตัวอย่างที่ท่านผู้ถามได้ยกมา ในเรื่องการทำบุญ หวังผลบุญ อธิษฐานขอสิ่งต่างๆ เมื่อทำบุญ บุญ หรือ กุศลนั้นย่อมเป็นมิจฉาปฏิปทา คือ เป็นกุศลที่เป็นทางผิดเพราะนำไปสู่การเกิด การไม่สิ้นสุดของสังสารวัฏฏ์ ก็ต้องเกิด แก่ เจ็บ ตายไม่มีที่สิ้นสุดครับ เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น พระองค์ตรัสรู้ความจริง ด้วยพระปัญญา ทรงแสดงหนทางดับกิเลส หนทางดับการเกิด หนทางสิ้นสุดสังสารวัฏฏ์ ด้วยกุศลที่เป็นไปในการดับกิเลส คือ อกุศลที่ประกอบด้วยปัญญา อันเป็นการเห็นโทษของกิเลสตามความเป็นจริง ดังนั้น กุศลใดที่ผู้มีปัญญาเห็นโทษของกิเลส มีความตระหนี่ เป็นต้น จึงให้ทานทำบุญเพราะเห็นโทษของกิเลส คือ ความตระหนี่จึงให้ อันมุ่งหมายเพื่อดับกิเลส กุศลนั้นเป็น สัมมาปฏิปทาครับ และกุศลที่ประกอบปัญญา ที่เป็นการเจริญสติปัฏฐาน คือการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ว่าเป็นธรรมไใช่เรา อันเป็นการเจริญวิปัสสนา กุศลนี้เป็นกุศลที่เป็นสัมมาปฏิปทา เพราะเป็นทางที่ชอบ อันนำไปสู่การดับกิเลสได้หมด ไม่มีการเกิดอีกครับ และกุศลใดทีเจริญด้วยความเห็นถูก โดยน้อมกุศลไปเพื่อไม่ใช่การได้ รูป เสียง กลิ่น รสที่ดี หรือเพื่อการเกิดในภพภูมิที่ดี แต่น้อมไปเพื่อพระนิพพาน ดับกิเลส กุศลนั้นจึงเป็นสัมมาปฏิปทา เป็นไปเพื่อการดับกิเลสจริงๆ ครับ
ผู้มีปัญญาจึงเห็น โทษของกิเลส จึงเจริญกุศลทุกๆ ประการและน้อมบุญไปเพื่อการดับกิเลส น้อมไปในพระนิพพานและอบรมปัญญาโดยการฟังพระธรรม เพื่อถึงการดับกิเลสอันเป็นกุศลที่เป็นสัมมาปฏิปทาครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุญ ไม่พ้นไปจากกุศลจิตและเจตสิกธรรมที่เกิดร่วมด้วย ทำกิจหน้าที่ ขณะใดปราศจากโลภะ โทสะ โมหะ ขณะนั้นคือบุญ, บุญ หรือ กุศล นำมาซึ่งความสุข ไม่ให้ผลที่เป็นทุกข์ใดๆ เลย เป็นสิ่งที่ควรเจริญ ไม่ควรประมาทว่านิดหน่อย เล็กน้อย หรือไม่ควรประมาทว่าได้กระทำเพียงพอแล้ว แต่ควรที่จะเจริญบ่อยๆ ทำบ่อยๆ เป็นปกติในชีวิตประจำวัน
บุคคลผู้ที่เห็นโทษของอกุศล และเห็นคุณประโยชน์ของบุญกุศล มีปัญญารู้ว่าบุญ เป็นที่พึ่ง นำสุขมาให้ ก็ย่อมจะอบรมเจริญกุศล พร้อมทั้งสะสมกุศลไปเรื่อยๆ ตามกำลัง ไม่ละเลย ไม่ทอดทิ้งฉันทะ (ความพอใจ) ในการเจริญกุศล ทั้งหมดทั้งปวงก็เพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ อกุศลจึงจะลดน้อยลง เบาบางลง เพราะเหตุว่าถ้าเป็นผู้ประมาท ไม่ได้เจริญกุศลอะไรๆ เลย อกุศลย่อมจะเบาบางไม่ได้เลย มีแต่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญ การทำบุญ หรือ การเจริญกุศล ก็เพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ใช่เพื่อความติดข้องต้องการ อยากได้ผลของบุญ ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ในพระไตรปิฏกแสดงไว้ว่า คนที่เกิดมารวย เป็นผลของการให้ทาน คนที่เกิดมารูปงามเป็นผลของการรักษาศีล มีผิวสวย เพราะไม่มักโกรธ มีปัญญา เพราะเป็นผู้ที่คบสัตบุรุษ ฟังธรรมของสัตบุรุษ และถ้าฟังไม่เข้าใจก็สอบถาม ทั้งหมดนี้เป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้นค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ