นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺส
พุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิ
ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ
สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
สนทนาธรรมที่
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ วันเสาร์ที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
ปารสูตร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ หน้า ๖๒
นขสิขสูตร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ หน้า ๗๒๗
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันอาทิตย์ที่ ๖ มี.ค. ๒๕๕๔)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และ คณะวิทยากร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ หน้า ๖๒
ปารสูตร [ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องให้ถึงฝั่ง (คือพระนิพพาน) ]
[๙๗] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๘ ประการนี้ที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพี่อถึงฝั่ง (นิพพาน) จากที่มิใช่ฝั่ง (วัฏฏะ) ธรรม ๘ประการ เป็นไฉน? คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ เจรจาชอบ การงานชอบอาชีพชอบ ความเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งมั่นชอบ ธรรม ๘ ประการนี้แลที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อถึงฝั่งจากที่มิใช่ฝั่ง.
พระผู้มีพระภาคเ จ้าสุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า
[๙๘] ในพวกมนุษย์ ชนที่ถึงฝั่งมีจำนวนน้อย แต่หมู่สัตว์นอกนี้ ย่อมวิ่งไปตามฝั่งนั่นเอง ส่วนชนเหล่าใด ประพฤติตามในธรรมที่ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว ชนเหล่านั้น ข้ามบ่วงมฤตยูซึ่งแสน ยากที่จะข้ามไปถึงฝั่งได้ บัณฑิต พึงละธรรมฝ่ายดำเสีย เจริญธรรมฝ่ายขาว ออกจากความอาลัย อาศัยธรรมอันไม่มีความ อาลัยแล้ว พึงละกามเสีย เป็นผู้ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องกังวล ปรารถนาความยินดีในวิเวกที่สัตว์ยินดีได้ยาก บัณฑิต พึงยัง ตนให้ผ่องแผ้วจากเครื่องเศร้าหมองของจิต ชนเหล่าใด อบรมจิต ดีแล้วโดยชอบ ในองค์เป็นเหตุให้ตรัสรู้ ไม่ถือมั่น ยินดีแล้วใน ความสละคืนความถือมั่น ชนเหล่านั้น เป็นผู้สิ้นอาสวะ มีความรุ่งเรือง ปรินิพพานแล้วในโลกนี้.
จบ ปารสูตรที่ ๔.
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย นิทานวรรค เล่ม ๒ หน้า ๗๒๗
๒. นขสิขสูตร
[ว่าด้วยสัตว์ที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อยเหมือนฝุ่นติดปลายเล็บ]
[๖๖๓] พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถ-บิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนฝุ่นเล็กน้อยไว้ที่ปลายพระนขา (ปลายเล็บ) แล้ว ตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ฝุ่นเล็กน้อยที่เราช้อนขึ้นไว้ที่ปลายเล็บนี้ กับมหาปฐพีนี้ อย่างไหนมากกว่ากัน?
ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาปฐพีนั่นแหละมากกว่าฝุ่นเล็กน้อยที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขานี้ มีประมาณน้อย ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการนับ ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งการเทียบเคียง ย่อมไม่ถึงแม้ซึ่งส่วนแห่งเสี้ยว เพราะเทียบมหาปฐพีเข้าแล้ว ฝุ่นที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงช้อนขึ้นไว้ที่ปลายพระนขา มีประมาณเล็กน้อย.
[๖๖๔] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัตว์กลับมาเกิดในหมู่มนุษย์ มีประมาณน้อย สัตว์ไปเกิดในกำเนิดอื่นจากมนุษย์มีมากกว่ามากทีเดียว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่าง นี้นั่นแหละ.
จบนขสิขสูตรที่ ๒.
อรรถกถานขสิขสูตรที่ ๒
ในนขสิขสูตรที่ ๒ มีวินิฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า มนุสฺเสสุ ปจฺจาชายนฺติ มีอธิบายว่า เหล่าชนที่จุติจากมนุษยโลกแล้วเกิดในมนุษยโลกนั้นแล มีประมาณน้อย. บทว่า อญฺตฺรมนุสฺเสหิ ความว่า เหล่าชนที่จุติจากมนุษยโลกแล้วไม่เกิดในมนุษยโลก ไปเกิดเฉพาะในอบาย ๔ มีมากกว่า เหมือนฝุ่นในมหาปฐพี. ก็ในพระสูตรนี้ ท่านรวมเทวดากับมนุษย์ทั้งหลายเข้าด้วยกัน. เพราะฉะนั้น พึงทราบว่า ผู้เกิดในเทวโลกมีประมาณน้อย เหมือนผู้ที่เกิดในมนุษยโลกฉะนั้น.
จบอรรถกถานขสิขสูตรที่ ๒.
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น ข้อความโดยสรุป ปารสูตร [ว่าด้วยธรรมเป็นเครื่องให้ถึงฝั่ง (คือพระนิพพาน) ] พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงว่า อริยมรรคประกอบด้วยองค์ ๘ มีสัมมาทิฏฐิ เป็นต้นเป็นธรรมที่ทำให้ถึงซึ่งฝั่งคือพระนิพพาน [เป็นฝั่งที่เกษม เป็นฝั่งที่ปลอดภัยจากกิเลสและความทุกข์ทั้งปวง เป็นฝั่งที่ตรงกันข้ามกับสังสารวัฏฏ์] เมื่ออบรมเจริญให้มาก ก็สามารถไปถึงซึ่งฝั่งดังกล่าวนี้ได้ ซึ่งมีเป็นจำนวนน้อยที่จะถึงฝั่งได้, ผู้ที่ประพฤติตามในพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้วเท่านั้น ที่จะข้ามไปถึงฝั่งได้ เป็นผู้ไม่มีกิเลส เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว ไม่มีการเกิดอีก ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ อริยมรรคมีองค์ ๘ อริยมรรค อาลัย นิพพานเป็นเมืองแก้วใช่หรือไม่ นิพพานปรมัตถ์
------------------------------------------
ข้อความโดยสรุป นขสิขสูตร [ว่าด้วยสัตว์ที่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์มีน้อยเหมือนฝุ่นติดปลายเล็บ] พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม แก่ภิกษุทั้งหลาย ว่าด้วยการเกิดเป็นมนุษย์ กับการเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ เปรียบเทียบไว้ด้วยข้ออุปมาฝุ่นที่ปลายพระนขา (เล็บ) ที่พระองค์ทรงช้อนขึ้นมา ซึ่งมีเพียงเล็กน้อย กับ ฝุ่นที่ผืนแผ่นดิน ว่า ผู้ที่เกิดเป็นมนุษย์ มีเป็นส่วนน้อย เหมือนกับฝุ่นที่อยู่ปลายพระนขาของพระองค์ ส่วน ผู้ที่ไปเกิดเป็นสัตว์ในอบายภูมิ มีมาก เหมือนกับฝุ่นที่ผืนแผ่นดิน ซึ่งควรอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้ไม่ประมาท.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ การเกิดมาเป็นมนุษย์ ควรที่จะได้ประโยชน์จากการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ให้มากที่สุด
มนุษย์ ๔ ประเภท [วิมานวัตถุ] ฟังเพื่อประโยชน์...ไม่ประมาท การเป็นคนดีควบคู่กับการฟังธรรม ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
อนุโมทนาคะ