สืบเนื่องจาก 2 ประเด็นที่ตั้งขึ้น คือ
สัมผัปปลาปะ ย่อมยังสัตว์ให้เป็นไปในนรก
การส่งไลน์คลิปวีดีโอ หรือ ข้อความตลก จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
การพูดเล่น หรือ การพูดตลก เป็นการพูดด้วยกุศลจิต หรือ อกุศลจิต หรือ ขึ้นอยู่กับจิตของผู้พูดในขณะนั้น ผู้พูดอาจมีวัตถุประสงค์ให้ผู้ฟังสบายใจ มีความสุข หรืออาจมีวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ไม่อาจทราบได้
ขอเรียนถามว่า การพูดเล่น หรือ พูดตลก ที่ไม่ได้ทำลายประโยชน์ของผู้อื่น เป็นการพูดเพ้อเจ้อ เป็นสัมผัปปลาปะ ไหมครับ จากการอ่านคำตอบใน 2 กระทู้ข้างต้น แสดงไว้ว่า การพูดในสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์ มีการพูด เดรัจฉานกถา 32 ประการ เป็นสัมผัปปลาปะ การพูดเล่น หรือ พูดตลก อยู่ในเดรัจฉานกถา 32 ประการ หรือไม่ครับ ขออภัยที่ไม่ได้เข้าไปอ่านจากพระไตรปิฎกโดยตรงครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การพูดเล่น พูดตลก ก็ด้วยเจตนาที่จะเล่น ให้ขำ นั่นก็เป็นด้วยอกุศลจิตแล้ว เป็นเดรัจฉานกถา และ เป็นการพูดเพ้อเจ้อ ซึ่งมีกันเป็นปกติในชีวิตประจำวัน ซึ่งหนทางการละกิเลสที่ถูกต้อง คือ การเข้าใจถูกในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา เมื่อปัญญาเจริญขึ้น กาย วาจาก็ดีขึ้นตามลำดับพร้อมๆ กับการเข้าใจถูกไปตามลำดับว่าไม่มีเราที่จะละ จะทำ มีแต่ ธรรมที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นไปและไม่ใช่เราครับ ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การพูดตลก ส่วนใหญ่จะเป็นคำไม่จริง เข้าข่ายพูดเท็จ ด้วย และอาจจะเป็นการพูดไร้สาระ ไม่เป็นประโยชน์ อันเป็นดิรัจฉานกถา ที่เป็นการพูดเพ้อเจ้อ เพราะเป็นการพูดที่ขวางทางสวรรค์ นิพพาน ไม่ได้เป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของกุศลธรรมและปัญญา เลยแม้แต่น้อย
น่าพิจารณาเพิ่มเติม ในความหมายของการพูดเพ้อเจ้อ หรือ พูดสัมผัปปลาปะนั้น หมายถึง อกุศลเจตนาที่จงใจพูดในเรื่องที่ไม่มีประโยชน์แก่ผู้อื่น
การพูดเพ้อเจ้อ มีองค์ประกอบ ๒ อย่าง คือ มุ่งที่จะพูดคำที่ไร้ประโยชน์ และ มีการกล่าวถ้อยคำเช่นนั้นออกไป ซึ่งเกิดจากอกุศลจิต นั่นเอง แต่ก็ไม่ได้หมายรวมความว่า การพูดเรื่องทั่วไปแล้วจะเป็นการพูดเพ้อเจ้อทั้งหมด เพราะเหตุว่าพระธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง และพิจารณาที่สภาพจิตเป็นสำคัญ เช่น การพูดกับผู้อื่นด้วยเมตตาจิต ถามถึงสุขทุกข์ และการพูดแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการดำรงชีวิตแก่ผู้อื่นด้วยกุศลจิต ครูอาจารย์สั่งสอนศิลปวิทยาเพื่อเป็นประโยชน์สำหรับประกอบอาชีพที่สุจริตในภายภาคหน้า แก่ศิษย์ อย่างนี้ไม่เป็นการพูดเพ้อเจ้อ ดังนั้นการจะผิดอกุศลกรรมบถข้อการพูดเพ้อเจ้อ ซึ่งเป็นวจีทุจริต นั้น ต้องหมายถึงเฉพาะการพูดด้วยอกุศลเจตนา ให้ผู้อื่นรับรู้ในสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เท่านั้น และยังมีข้อที่ควรพิจารณาอีกคือ การพูดเรื่องเดียวกัน แต่จิตอาจจะต่างกันก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับว่า จะพูดด้วยกุศลหรือ ด้วยอกุศล เพราะวาจาก็เป็นไปตามจิต
เพราะฉะนั้น ประโยชน์ที่ได้จากการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ในส่วนของอกุศลธรรม นั้น ก็เพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลธรรม แล้วถอยกลับจากอกุศลธรรม แม้จะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม เพราะเหตุว่า ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยก็จะเป็นผู้ประมาท ในที่สุดแล้วก็จะเป็นอกุศลที่มีมาก มีกำลังล่วงจนกระทั่งล่วงเป็นทุจริตกรรมประการต่างๆ ได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
พระพุทธเจ้าทรงสอนราหุล ไม่ควรพูดเท็จเพื่ยงเพื่อหัวเราะกันเล่น ควรกล่าวแต่วาจาสุภาษิต กล่าวตามกาล กล่าวแต่คำจริง กล่าววาจาอ่อนหวาน กล่าววาจาประกอบด้วยประโยชน์ กล่าวด้วยเมตตาจิต ค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ