* ที่ต้องอยู่ในสังสารวัฏฏ์มาอย่างยาวนาน ก็เพราะมีความติดข้องและความไม่รู้
* โลภะ คือความยินดี พอใจ ติดข้อง ความอยาก ความต้องการ เป็นสภาพที่พร่องอยู่เป็นนิจ คือไม่เต็ม ไม่พอ ในสิ่งที่ติดข้อง
* โลภะมี ๒ ระดับ คือ
- ความยินดีพอใจในกามคือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ (สภาพที่กระทบทางกาย)
- ความยินดีพอใจในภพ คือยินดีพอใจในความมี ความเป็น อัตภาพนี้
* ความไม่รู้ คือโมหะ เป็นสภาพที่ไม่เข้าใจตามความเป็นจริงของสิ่งที่ปรากฏในขณะนี้เอง
* ความไม่รู้เป็นเหตุให้อกุศลธรรมทุกประเภทเกิดขึ้น ทั้งโดยเป็นปัจจัยในขณะที่เกิดขึ้นพร้อมกันกับอกุศลแต่ละประเภทนั้น และเป็นปัจจัยโดยเป็นอุปนิสัย (ที่อาศัยที่มีกำลัง) เพราะได้สะสมความไม่รู้สืบต่อในจิตมามากมายแสนนาน จึงทำให้อกุศลเกิดขึ้นบ่อยๆ เสมอๆ ในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะโลภะ
* ปัญญา คือความรู้ ความเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงในสิ่งที่กำลังปรากฏ เป็นสภาพที่ตรงข้ามกับโมหะ (คือความไม่รู้ตามความเป็นจริงในสิ่งที่กำลังปรากฏ)
* ดังนั้นการศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา เข้าใจในความเป็นธรรมไปทีละเล็กละน้อย จึงทำให้ค่อยๆ ขัดเกลา ละคลาย ความไม่รู้และความติดข้อง ไปตามลำดับ
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ