อันตรายที่มองไม่เห็น
โดย khampan.a  30 เม.ย. 2561
หัวข้อหมายเลข 29703

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม
ที่โรงแรม เดอะ บัฟฟาโล อัมพวา จ.สมุทรสงคราม
วันจันทร์ที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๖๑


~ บำรุงพระศาสนา ด้วยการที่ได้เข้าใจธรรม ว่า อะไรถูก อะไรผิด เพราะว่า ยุคนี้เป็นยุคที่ทุกอย่างกำลังวิกฤตจริงๆ เพราะเหตุว่าคนที่คิดว่าตัวเองเป็นชาวพุทธนับถือพระพุทธศาสนา ไม่ได้เข้าใจธรรม

~ ถ้าค่อยๆ ปลูกฝังความมั่นคงว่าไม่ใช่เรา ไม่มีเรา ทั้งหมดเป็นธรรม เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ก็จะค่อยๆ นำไปสู่การที่จะรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ

~ มีสำนักปฏิบัติ ประพฤติปฏิบัติที่ไม่ได้เข้าใจธรรมเลย นั่นก็คือหลงทางและก็ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดด้วย

~ ตั้งใจที่จะฟังธรรม เป็นความตั้งใจที่ดี เป็นกุศล เป็นกรรมใหม่, กรรมเก่า ก็คือ กรรมที่ได้กระทำไปแล้ว ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหนก็ตามที่สำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้น กรรม (เจตนา,การกระทำ) ขณะนี้ คือ กำลังฟังธรรม มีเจตนาที่จะฟังให้เข้าใจ ก็เป็นกรรมใหม่ กรรมปัจจุบัน แต่ว่าพอเสร็จไปก็เป็นกรรมอดีต (กรรมเก่า)

~ ต้องเข้าใจมั่นคงขึ้น ว่า ธรรม ไม่ใช่เรา ทั้งหมดที่ฟังค่อยๆ สะสมจนกระทั่งเข้าใจขึ้นๆ
~ กิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) ที่สะสมมา มีมาก เพราะฉะนั้น ความต้องการมีเสมอ ไม่ต้องการอย่างนี้ก็ต้องการอย่างนั้น เวลาสนุกก็ต้องการความเพลิดเพลิน จนกว่าจะเริ่มเข้าใจว่าธรรมเป็นธรรม

~ ตลอด ๔๕ พรรษา พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงธรรมโดยละเอียดยิ่ง เพื่อให้ความเข้าใจเป็นความเข้าใจที่รอบรู้มีกำลังพอที่จะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏได้

~ เราประมาทธรรมไม่ได้เลย ไม่มีใครสามารถที่จะให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องที่ละเอียดที่สามารถที่จะค่อยๆ เข้าใจว่าไม่ใช่เรา แต่เป็นธรรม นอกจากอาศัยคำทั้งหมดของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า, หนทางนี้ คือ หนทางแห่งการอบรมเจริญปัญญา เป็นหนทางที่ลึกซึ้ง คนที่ไม่เข้าใจในความลึกซึ้งจึงหลงทาง ถ้าไม่อย่างนั้นพระพุทธศาสนาในยุคนี้ก็จะไม่เป็นอย่างนี้ (คือจะไม่วิกฤตเสื่อมหนักอย่างนี้) ถ้ามีผู้ที่เข้าใจในความลึกซึ้งจริงๆ ของพระศาสนา

~ เราก็ต้องมีความมั่นคงที่จะให้เขาได้รู้ว่า เขานับถือใคร ถ้าเขานับถือพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง เป็นพระศาสดา คำของพระองค์เปลี่ยนไม่ได้เลย และคำของพระองค์ ก็คือ ทั้งพระธรรมและพระวินัย ไม่ใช่เฉพาะพระธรรมเท่านั้น ทุกคำของพระองค์ที่ตรัสด้วยพระมหากรุณาตามที่ทรงบัญญัติพระวินัยแก่พระภิกษุ ไม่ใช่ไปทรมานพระภิกษุ ไม่ใช่ไปทำให้พระภิกษุเดือดร้อน ไม่หวังร้ายต่อใครทั้งสิ้น เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ใครลำบาก แต่เพื่อให้เขาได้อยู่สบายในเพศของผู้ที่สงบระงับจากกิเลส เพราะว่าจุดประสงค์ของการเป็นเพศภิกษุ ต้องชัดเจนว่า เพื่อขัดเกลากิเลส ไม่ใช่ไปเพิ่มกิเลส

~ พฤติกรรมของพระภิกษุตั้งแต่ตื่นจนหลับ จะเป็นเหมือนคฤหัสถ์ไม่ได้เลย เพราะว่าคฤหัสถ์ฟังธรรมได้ สามารถรู้ความจริงจนถึงสามารถเป็นพระอริยบุคคลได้ เป็นพระอรหันต์เมื่อไหร่ ไม่อยู่อย่างคฤหัสถ์อีกต่อไป เพราะฉะนั้น เพศภิกษุ เป็นเพศของพระอรหันต์, ต้องเข้าใจให้ถูกต้องว่า ถ้าใครไม่สามารถที่จะดำรงเพศภิกษุได้ ไม่สามารถที่จะประพฤติตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติได้ เขาก็ลาสิกขาบท เป็นคฤหัสถ์ เขาก็ฟังธรรมได้ เข้าใจธรรมได้ ไม่มีปัญหาเลย ดีกว่าคิดที่จะเปลี่ยนแปลงคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะผู้ที่คิดอย่างนั้น ไม่มีความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

~ บวช โดยอาศัยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้เข้าใจธรรม จึงบวช ถ้าไม่เข้าใจธรรม บวชทำไม เพราะฉะนั้น ต้องรู้เลยใครให้เข้าใจธรรม? ต้องเป็นผู้ที่เขาควรจะเคารพ และทุกคำที่ได้ฟัง เปลี่ยนแปลงไม่ได้เลย เมื่อมีความเข้าใจ เราต้องมั่นคง ว่า คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าใครๆ ก็เปลี่ยนไม่ได้ ถ้ามีความเคารพจริงๆ จะไม่คิดที่จะเปลี่ยนทั้งพระธรรมและพระวินัย

~ ลองคิดดู ถ้าจะอ้างว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถ้าสงฆ์ประสงค์ที่จะถอนสิกขาบทหรือเพิ่มเติมสิกขาบท ก็ทำได้ ตรัสไว้อย่างนี้จริง คนที่ไม่เคารพคิดอย่างไร และคนที่เคารพคิดต่างกันหรือไม่ นี่ก็แสดงถึงความต่างกันแล้ว ถ้าเป็นผู้ที่เคารพจนมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งจริงๆ ไม่คิดแม้ที่จะเปลี่ยนพระธรรมพระวินัยเลยสักข้อเดียว เพราะเหตุว่า รู้ว่า ไม่มีใครจะรู้อย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เลยทั้งสิ้น

~ ใครจะทำลายพระธรรมวินัย ก็ต้องเป็นโทษ และถ้าเกิดจะมีคณะสงฆ์ร่วมกันมีความคิดที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมหรือเพิกถอนสิกขาบทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเขาทำได้โดยชาวพุทธคิดว่าทำได้ตามไปด้วย เขาก็เพิกถอนสิกขาบทไปทีละข้อสองข้อจนหมดไม่เหลือ ได้ แล้วจะมีภิกษุตามพระธรรมวินัยหรือ?

~ ภิกษุในธรรมวินัยไม่รับและไม่ยินดีในเงินและทอง แสดงถึงความเป็นภิกษุซึ่งต่างจากคฤหัสถ์ มิฉะนั้นแล้วจะต่างกันตรงไหน

~ พระภิกษุสามารถช่วยสังคมได้ยิ่งกว่าใครทั้งสิ้น เมื่อเข้าใจธรรมและกล่าวคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ผู้ที่เป็นทุกข์เพราะกิเลสได้ค่อยๆ เข้าใจความจริงที่จะค่อยๆ ละคลายกิเลส ไม่ใช่ไปส่งเสริมกิเลส

~ วัด คือ ที่ที่พระภิกษุทั้งหลาย ผู้สงบอาศัยอยู่ ไม่ใช่อย่างบ้านเรือนมีโทรทัศน์มีอะไรทุกอย่างเต็มไปหมด

~ ถ้าหากพระภิกษุเป็นผู้ที่สละความยินดีในเพศคฤหัสถ์ ก็ต้องจริงใจ (เหมือนคฤหาสน์ที่เขาเป็นคฤหัสถ์ด้วยความจริงใจว่าเขาเป็นคฤหัสถ์ แต่เขาฟังธรรม เพราะว่า ความจริง ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็สามารถที่จะเข้าใจได้) ภิกษุก็ต้องเป็นผู้ตรงและจริงใจจริงใจด้วยว่า ต่างจากคฤหัสถ์ เพราะว่าสละเพศคฤหัสถ์ ไม่ทำกิจใดๆ ของคฤหัสถ์อีกต่อไป เพื่อที่จะได้ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตซึ่งต้องศึกษาธรรม เพราะเหตุว่าความเข้าใจธรรมต่างหากที่ขัดเกลากิเลส มีใครเป็นพระโสดาบันโดยไม่เข้าใจธรรมบ้าง? เป็นไปไม่ได้เลย

~ ชีวิตของพระภิกษุทั้งชีวิต ต้องศึกษาธรรมอบรมปัญญา ขัดเกลากิเลส เพื่อที่จะได้ช่วยสังคมที่เป็นประโยชน์ที่คฤหัสถ์ทำได้ไม่เท่าพระภิกษุ เพราะเหตุว่า พระภิกษุตั้งแต่ตื่นจนหลับก็เป็นเรื่องของการละคลายกิเลสทั้งกาย วาจา เพราะฉะนั้น ถ้าจะเป็นการช่วยสังคมจริงๆ ก็ช่วยในเพศของพระภิกษุซึ่งเข้าใจธรรมและให้สังคมได้เข้าใจธรรมที่ถูกต้องด้วย (ไม่ใช่ไปทำอะไรที่ผิดพระวินัย)

~ ถ้าพระภิกษุจะทำอย่างคฤหัสถ์ทุกอย่าง มีเงินมีทอง ซื้อขายสารพัดอย่างแล้วจะมีภิกษุเพื่ออะไร ก็เหมือนคฤหัสถ์ทุกอย่าง

~ อันตรายที่มองไม่เห็นยิ่งกว่าอันตรายอื่น ก็คือ ชาวพุทธที่เข้าใจว่าตัวเองนับถือพระพุทธศาสนา (แต่) ไม่เข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น เมื่อไม่เข้าใจธรรม ก็คล้อยตามสิ่งที่ผิดทั้งหมด โดยไม่เห็นว่า นั่น เป็นภัยที่ช่วยกันทำลายพระพุทธศาสนา


....กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย มกร  วันที่ 30 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย panasda  วันที่ 30 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย thilda  วันที่ 30 เม.ย. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย ประสาน  วันที่ 1 พ.ค. 2561

สิ่งที่มีจริงเป็นธัมมะ สิ่งที่ไม่มีจริงคืออะไร เป็นธัมมะหรือไม่ครับ ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย ประสาน  วันที่ 1 พ.ค. 2561

สิ่งที่ไม่มีจริงเช่นดอกไม้ โต็ะ เก้าอี้ คน สัตว์ สิ่งของ ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย worrasak  วันที่ 1 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 2 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย kullawat  วันที่ 7 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 7 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย วิริยะ  วันที่ 8 พ.ค. 2561

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ