๑. ชื่อว่า ตถาคต เพราะเสด็จมาแล้วอย่างนั้น
ถามว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า ชื่อว่าตถาคต เพราะเสด็จมาแล้วอย่างนั้น เป็นอย่างไร.
ตอบว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย มีพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น ทรงบำเพ็ญทานบารมี ทรงบำเพ็ญศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี ทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ คือ บารมี ๑๐ เหล่านี้ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ ทรงสละมหาบริจาค ๕ เหล่านี้ คือ บริจาคอวัยวะ บริจาคชีวิต บริจาคทรัพย์ บริจาคราชสมบัติ บริจาคบุตรภรรยา เสด็จมาแล้วด้วยอภินิหารใดอย่างใด พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้ของเราทั้งหลายก็เสด็จมาแล้ว ด้วยอภินิหารนั้น อย่างนั้น เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า ตถาคต
[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 216
ถามว่า อย่างไร พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงชื่อว่า ตถาคต เพราะเสด็จมาอย่างนั้น
ตอบว่า เหมือนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายในปางก่อน ผู้ถึงความขวนขวาย เพราะเสด็จมาเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่โลกทั้งปวง กล่าวอธิบายไว้อย่างไร กล่าวไว้ว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้พระองค์นี้ เสด็จมาด้วยอภินิหาร ๘ ประการอันเป็นเครื่องเสด็จมาของพระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น. อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าเหล่านั้น ทรงบำเพ็ญบารมี ๓๐ ถ้วน คือทรงบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี อุเบกขาบารมี รวมบารมีเหล่านั้น จัดเป็นบารมี ๑๐ อุปบารมี ๑๐ ปรมัตถบารมี ๑๐ ทรงบริจาคมหาบริจาค ๕ และทรงบำเพ็ญบุพประโยค บุพจริยะ การตรัสธรรมเทศนา และญาตัตถจริยาเป็นต้นแล้วทรงถึงที่สุดแห่งพุทธจริยาเสด็จมาแล้ว โดยประการใด พระผู้มีพระ-ภาคเจ้าแม้พระองค์นี้ก็เสด็จมาแล้วโดยประการนั้น อนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงบำเพ็ญพอกพูนสติปัฏฐาน ๔ ฯลฯ อริยมรรคมีองค์ ๘ เสด็จมาโดยประการใด พระผู้มีพระภาคเจ้าแม้พระองค์นี้ก็เสด็จมา โดยประการนั้น ชื่อว่า ตถาคต เพราะเสด็จมาอย่างนั้น ด้วยประการฉะนี้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น